note book pc,note book new

.

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Hp Mini 110 Netbook


Hp Mini 110 Netbook
คอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊ค เอชพี มินิ 110
Netbook Mini 110 หน่วยประมวลผลอินเทลอะตอม น้ำหนักตัวเครื่อง 1.06 กิโลกรัม ความหนาของเครื่องประมาณ 1 นิ้ว จอแอลอีดี 10.1 นิ้ว ความจุ 160 กิกะไบต์ มีให้เลือก 3 สี คือ ชมพู ขาวและดำ จุดเด่นนอกจากเบาและเล็กแล้ว ขนาดของคีย์บอร์ด ยังใกล้เคียงกับคีย์บอร์ดมาตรฐานของโน้ตบุ๊กและพีซี ถึง 92 เปอร์เซ็นต์

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์

fujitsu ฟูจิตสึ M2010 เน็ตบุ๊กเจนเนอเรชั่นใหม่ สีสันสุดชิค


fujitsu ฟูจิตสึ M2010 เน็ตบุ๊กเจนเนอเรชั่นใหม่ สีสันสุดชิค
fujitsu ฟูจิตสึ ก้าวสู่การเปิดตัวเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของเน็ตบุ๊ก ด้วยการส่ง ฟูจิตสึ “M2010” ลงสู่ตลาด ซึ่งถือเป็นการสร้างนิยามใหม่ให้กับมาตรฐานเน็ตบุ๊ก ภายใต้แบรนด์ฟูจิตสึ กับการดีไซน์บางเฉียบบนหน้าจอแบบไวด์สกรีนสุดหรู 10.1 นิ้ว พร้อมสีสันตัวเครื่องสุดชิคแบบไม่เหมือนใคร อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย ตอบสนองทุกรูปแบบการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การทำงาน หรือการใช้ชีวิตส่วนตัว

ฟูจิตสึ M2010 เน็ตบุ๊กเจนเนอเรชั่นใหม่เปิดตัวสู่ตลาด สีสันสุดชิค ดีไซน์บางเฉียบ หน้าไวด์สกรีน 10.1 นิ้ว เทคโนโลยีล่าสุดเต็มพิกัด

จุดเด่นที่สะดุดตาอีกอย่างหนึ่งของเน็ตบุ๊กรุ่นใหม่นี้ ก็คือการทำให้ผู้ใช้งานสามารถสัมผัสทุกประสบการณ์แบบสมจริง ด้วยจอแสดงผลแบบไวด์สกรีน (WSVGA) ขนาด 10.1 นิ้ว และเทคโนโลยี back-light LED Glare ช่วยให้รับชมภาพได้คมชัดไม่ว่าจะอยู่ในอาคารหรือกลางแจ้ง ขณะที่ความละเอียดของจอภาพระดับ 1024x 576 พิกเซล 16:9 ratio ระดับความสว่าง 200 nits และ Contrast Ratio 400:1 ทำให้สามารถชมภาพยนตร์ได้ดียิ่งขึ้น และสามารถทำการประชุมทางไกลผ่านหน้าจอได้เสมือนจริงด้วย ทั้งการออกแบบตัวเครื่องมีขนาดบางเฉียบกะทัดรัดเพียง 25.8x18.9 เซนติเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัมกว่า จึงทำให้พกพาได้อย่างสะดวกสบายในทุกๆ ที่


fujitsu M2010 เน็ตบุ๊กเจนเนอเรชั่นใหม่เปิดตัวสู่ตลาด สีสันสุดชิค ดีไซน์บางเฉียบ หน้าไวด์สกรีน 10.1 นิ้ว เทคโนโลยีล่าสุดเต็มพิกัด ฟู จิตสึ M2010 ยังมาพร้อมกับพลังขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผลของโปรเซสเซอร์ อินเทล อะตอม N270 และ N2801 (1.6GHz 512 L2 Cache, 533MHz) และอินเทล 945 GSE Chipset พร้อมตอบสนองการเก็บข้อมูลแบบเต็มพิกัดด้วยฮาร์ดดิสก์ความจุถึง 160GB รวมทั้งหน่วยความจำ 1GB (DDR2, 533MHz) ที่ช่วยให้การทำงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ฟูจิตสึ M2010 ยังบันเดิลโปรแกรม ThinkFree Mobile Office Suite ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินกับการทำงานยิ่งขึ้น เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ก็สามารถตัดต่อหรือสร้างไฟล์เอกสารสำคัญๆ, ทำสเปรดชีท และสไลด์สำหรับนำเสนองานได้อย่างง่ายดาย สร้างความแตกต่างในการนำเสนองานสำหรับแต่ละโอกาส ครอบคลุมตั้งแต่การเรียนการสอนในห้องเรียน ไปถึงงานพบปะลูกค้า

พร้อมกันนี้ ฟูจิตสึ M2010 ยังตอกย้ำเครื่องหมายการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์พกพาเน็ตบุ๊ก ด้วยการมอบประสบการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด ทั้งบลูทูธ เวอร์ชั่น 2.1 รองรับการโอนถ่าย หรือเชื่อมต่อปฏิทินกับโทรศัพท์มือถือ กล้อง 1.3 เมกะพิกเซลแบบบิวท์-อินไมโครโฟนดิจิทัล และลำโพง สเตอริโอ สำหรับการประชุมทางไกล และยังตอกย้ำความมั่นใจเรื่องคุณภาพ ด้วยดีไซน์ตัวเครื่องที่แข็งแกร่งคงทนสูง เป็นเน็ตบุ๊กที่ผ่านการทดสอบอย่างหนัก โดยฝาหน้าของเครื่องสามารถรับแรงกดทับได้ถึง 200 กิโลกรัม

fujitsu ฟูจิตสึ M2010 เน็ตบุ๊กเจนเนอเรชั่นใหม่ สีสันสุดชิค

อัสซุส ส่งโน้ตบุ๊กรุ่น K Series บุกตลาด : Asus K Series


อัสซุส ส่งโน้ตบุ๊กรุ่น K Series บุกตลาด : Asus K Series
Asus K Series ครบถ้วนสำหรับการทำงาน ลงตัวทุกความบันเทิง อัดพลังจากเอเอ็มดี ในราคาที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้
บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำโน้ตบุ๊กรุ่นล่าสุด อัสซุส K Series ที่มาพร้อมพลังขับเคลื่อนจากโปรเซสเซอร์ AMD Athlon™ X2 Dual-Core QL64 ความเร็ว 2.0 GHz ฮาร์ดดิสก์ขนาด 250 GB หรือ 320 GB และหน่วยความจำขนาด 2 GB พร้อมกราฟิกการ์ด ATI Mobility Radeon™ HD4570 ที่สามารถสร้างสรรค์ความบันเทิงได้อย่างจุใจด้วยระบบภาพ High Definition ออกแบบมาเพื่อการใช้งานอเนกประสงค์ คุณสมบัติครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบมัลติมีเดียชั้นยอด คุณภาพเสียงระดับโรงภาพยนตร์ ด้วย SRS® Premium Sound™ พร้อมระบบประหยัดพลังงาน ASUS Super Hybrid Engine และ AMD PowerNow!™ ที่ช่วยยืดเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ได้นานขึ้นแม้ไม่ได้เสียบปลั๊ก Power4 Gear ปรับสภาพแวดล้อมของเครื่องให้เหมาะกับการทำงานแต่ละรูปแบบที่แตกต่างกัน

ราคาเบาๆ เริ่มต้นเพียง 19,900 บาท เท่านั้น (ราคาไม่รวม Vat 7%)
อัสซุส ส่งโน้ตบุ๊กรุ่น K Series บุกตลาด : Asus K Series
แท็ก: K Series

Hp เปิดตัวโน้ตบุ๊ค รุ่นใหม่ 3 รุ่นรวด


Hp เปิดตัวโน้ตบุ๊ค รุ่นใหม่ 3 รุ่นรวด
ขานรับประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์หลากรูปแบบอย่างเป็นส่วนตัวไปพร้อมกับ HP Mini 110, HP Probook 4410s และ HP Pavilion dv2 Notebook PC
กรุงเทพฯ 25 มิถุนายน 2552 - เอชพี เผยโฉมผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ และคอมเมอร์เชียล โน้ตบุ๊ค รุ่นใหม่ล่าสุด จากชุดผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ครุ่นล่าสุดของเอชพี ภายในงาน แถลงข่าว What Style is Yours; Be Cool by HP โดยนำทัพนวัตกรรมอันล้ำสมัยมาสู่มือผู้บริโภค ด้วยผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ครุ่นล่าสุด HP Mini 110 และ HP Pavilion dv2 Notebook PC ที่ได้รับการออกแบบอย่างมีสไตล์ ในรูปลักษณ์สวยเพรียว น้ำหนักเบา โดยมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลดูอัล-คอร์รุ่นล่าสุด พร้อมด้วย HP Probook 4410s Notebook PC ที่พลิกทุกโฉมหน้าคอมเมอร์เชียลโน้ตบุ๊คด้วยดีไซน์ใหม่สุดโฉบเฉี่ยว ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการการใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่อธุรกิจไม่มีติดขัด

ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ครุ่น HP Mini 110
HP Mini 110 สมาชิกใหม่ล่าสุดจากตระกูลมินิโน๊ตบุ๊คที่มีรางวัลการันตีคุณภาพ มาพร้อมกับพื้นผิว HP Imprint ป้องกันการขีดข่วน เอกสิทธิ์เฉพาะของโน้ตบุ๊คจากเอชพี กับสีสันอันหลากหลายสะท้อนรสนิยมความเป็นตัวคุณ ทั้งสีชมพูสุดเก๋ Pink Chic สีดำ Black Swirl และสีขาว White Swirl สวยงามมีเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้บริโภคที่ต้องการความสามารถในการเชื่อมต่อ ได้ตลอดเวลา ด้วยโซลูชั่น Syncables™ สุดพิเศษที่ได้รับการติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่องของ HP Mini 110 ทำให้การซิงค์ไฟล์เพลง รูปภาพ วิดีโอ และข้อมูลอื่น ๆ ระหว่าง HP Mini และโน้ตบุ๊ค หรือเดสก์ท็อปตัวหลักเป็นไปได้อย่างสะดวกราบรื่น และง่ายดาย

HP Mini 110 มีขนาดเล็กกะทะรัด น้ำหนักเพียง 1.06 ก.ก. และบางเพียงไม่ถึงหนึ่งนิ้ว จึงสามารถ พกใส่เป้ กระเป๋าเอกสาร หรือแม้แต่กระเป๋าถือได้อย่างสบายๆ โดยมาพร้อมกับจอแสดงผลแอลอีดี ไวด์สกรีน แป้นพิมพ์ที่มีขนาดใกล้เคียงกับคีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊คมาตรฐานร้อยละ 92 และกล้องเว็บแคมที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ HP Mini จึงเป็นโน้ตบุ๊คในฝันสำหรับผู้บริโภคที่เน้นใช้งานอินเทอร์เน็ต และนักธุรกิจที่ต้องท่องเว็บ เช็คอีเมล ฟังเพลงและติดต่อกับเพื่อนฝูง สมาชิกในครอบครัว หรือแม้แต่ที่ทำงาน ในขณะที่เดินทาง

HP Mini 110 ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Intel® Atom N280 1.1.66 กิกะเฮิรตซ์ ที่มาพร้อมกับออพชั่นแบบประกอบตามสั่งด้วยเช่นกัน โดย HP Mini 110 ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows® XP และ มาพร้อมกับฮาร์ดไดรฟ์ ขนาดความจุ 160 กิกะไบต์ และออพชั่นสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือ (WWAN)

โน้ตบุ๊ค HP Pavilion dv2 Entertainment Notebook PC พร้อมด้วยขุมพลังหน่วยประมวลผลดูอัล-คอร์ มีความบางเริ่มต้นที่หนึ่งนิ้วและน้ำหนักเพียง 1.64 ก.ก. พร้อมมอบประสิทธิภาพการทำงานเหนือระดับสำหรับผู้บริโภคที่มองหาความคุ้มค่าจากการ ใช้งาน ด้วยทางเลือกสำหรับหน่วยประมวลผล AMD Turion™ Neo หรือ AMD Athlon™ Neo Dual-Core ที่พัฒนาขึ้นเพื่อโน้ตบุ๊คแบบอัลตร้าธิน โดยเฉพาะ

โน้ตบุ๊ค HP Pavilion dv2 Entertainment Notebook PC สะท้อนทุกนิยามความงามผ่าน HP Imprints สีดำลวดลาย Espresso Black และสีขาว Moonlight White ที่ห่อหุ้มโครงสร้างแชสซีอลูมิเนียมแบบแมกนีเซียมอัลลอย ยังมาพร้อมกับกราฟฟิกการ์ด ATI Radeon™ Premium Graphics และหน่วยความจำของระบบแสดงผลสูงสูดถึง 512 เมกะไบต์

โน้ตบุ๊ค HP Probook 4410s Notebook PC โฉบเฉี่ยว และบางเบา รองรับทุกความต้องการทางธุรกิจได้อย่างไร้ขีดจำกัด

โน้ตบุ๊ค HP Probook 4410s Notebook PC ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีด้วยนวัตกรรมการดีไซน์สุดล้ำสมัย โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ตัวเครื่องสุดบางเบากับตัวเครื่องสีสันสะดุดตาทั้ง สีดำมันวาว และ สีไวน์แดงสุดเร้าใจ คุณสมบัติการทำงานที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารูปโฉมโดนใจ ยังผสานประสิทธิภาพ ความสามารถในการทำงานเข้ากับความคุ้มค่าได้อย่างลงตัว ทั้ง จอแสดงผลไวด์สกรีน แบบไฮเดฟฟินิชั่น ขนาด 14 นิ้ว ยังให้ภาพแบบสมจริง คมชัดในทุกรายละเอียด และแป้นพิมพ์ขนาดฟูลไซส์ รองรับทุกความสะดวกสบายในทุกการทำงาน

HP Probook 4410s Notebook PC ยังมอบประสบการณ์การใช้งานโน้ตบุ๊ค ภายใต้รูปลักษณ์และคุณสมบัติที่พบได้แต่ในโน้ตบุ๊คระดับไฮเอนด์เท่านั้น พร้อมกันนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถเชื่อมต่อโลกกว้างอินเทอร์เน็ตไร้พรมแดน ได้อย่างง่ายดายผ่าน Wi-Fi CERTIFIED WLAN และเทคโนโลยี Bluetooth ที่ได้รับการติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่อง นอกจากนี้ คอมเมอร์เชียลโน้ตบุ๊คใหม่ล่าสุดยังมาพร้อมกับประสิทธิภาพการทำงานด้วยระบบที่สามารถรองรับการประมวลมลของหลากหลายแอปปลิเคชั่นในเวลาเดียวกัน เสริมด้วยแบตเตอร์รี่ที่รองรับการทำงานได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น ช่วยให้นักธุรกิจรุ่นใหม่สามารถทำงานต่อเนื่องได้อย่างไม่มีติดขัด

ราคาและการจัดจำหน่าย
• ผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์โน้ตบุ๊ค HP Mini110 ราคาเริ่มต้นที่ 16,500 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)รวมจอ LCD เพื่อความสะดวกสบายที่มากขึ้นในการใช้งาน มูลค่า 3,900 บาท และมีวางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายเอชพีใกล้บ้านท่าน
• ผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์โน้ตบุ๊ค HP Pavilion dv2 Entertainment Notebook PC ทั้งแบบสีดำ Espresso Black และสีขาว Moonlight White ราคาเริ่มต้นที่ 19,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) และมีวางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายเอชพีใกล้บ้านท่าน
• ผลิตภัณฑ์คอมเมอร์เชียล โน้ตบุ๊ค HP Probook 4410s Notebook PC ทั้งแบบสีดำมันวาว และ สีไวน์แดง ราคาเริ่มต้นที่ 25,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) และมีวางจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายเอชพีใกล้บ้านท่าน

Hp เปิดตัวโน้ตบุ๊ค รุ่นใหม่ 3 รุ่นรวด

ทอล์คกิ้ง-ดิกเปิดตัวเน็ตบุ๊กแปลภาษา


ทอล์คกิ้ง-ดิกเปิดตัวเน็ตบุ๊กแปลภาษา
ตลาดเครื่องแปลภาษารับผลกระทบเศรษฐกิจถดถอย ทอล์คกิ้ง-ดิก ชิงเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ “ทอล์คกิ้ง-ดิก เน็ตบุ๊ก” หวังเกาะกระแสความนิยมเน็ตบุ๊ก
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อกระแสเน็ตบุ๊ก ทอล์คกิ้ง-ดิก จึงเปิดตัว “ทอล์คกิ้ง-ดิก เน็ตบุ๊ก” ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของวงการพจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ได้นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊ก มาพัฒนาจนกลายเป็น ทอล์คกิ้ง-ดิก ที่มีความสามารถเทียบเท่าโน้ตบุ๊กขนาดเล็ก หรือเน็ตบุ๊ก

ทั้งนี้ทอล์คกิ้ง-ดิก เน็ตบุ๊ก ใช้อินเทล อะตอม 1.6 GHz หน่วยความจำ 160 GB สามารถลงระบบปฏิบัติการลินุกซ์ และวินโดว์ส เอ็กซ์พี ได้ มี ไว-ไฟเทคโนโลยี ทำให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนของทอล์คกิ้ง-ดิก เทคโนโลยี มีการรวบรวมคำศัพท์จากออกซฟอร์ด 5 เล่ม พร้อมพจนานุกรมจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลกเข้าไว้ด้วยกัน โดยผ่านการตรวจสอบคำแปลจากคณาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมีความแม่นยำ สูง

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

BenQ เปิดตัว Joybook Lite U121 Eco


BenQ เปิดตัว Joybook Lite U121 Eco
บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการคือ เน็ตบุ๊คขนาดพกพา Joybook Lite U121 Eco ที่มีน้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัม นอกจากความกะทัดรัดสะดวกพกพาแล้ว ผลิตภัณฑ์นี้ยังมีแบ็ตเตอร์รี่ที่ชาร์จเร็วและอยู่ได้ถึง 8 ชั่วโมง ระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ใช้ง่าย และไดรฟ์แบบผสมที่มีความจุสูง การทำงานอย่างยอดเยี่ยมและความสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา ที่ผู้ใช้จะได้รับนี้ ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาสบายกระเป๋า ความรักจะยิ่งทวีขึ้นเมื่อผู้ใช้ทราบว่า U121 Eco ผลิตโดยเทคโนโลยีวิศวกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อโลกของเรา

จุดเด่น 3 ข้อ ของJoybook Lite U121 Eco

ความกะทัดรัดอันน่าพึงพอใจ
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องเดินทางเสมอ Joybook Lite U121 Eco จะเป็นผู้ร่วมเดินทางที่เยี่ยมยอด แบ็ตเตอร์รี่ที่ใช้งานได้นานถึง 8 ชั่วโมงทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้แม้ระหว่างบินข้ามประเทศหรืออยู่นอกสำนัก งาน ด้วยความสามารถชาร์จไฟได้รวดเร็ว เครื่อง U121 Eco จึงสามารถชาร์จไฟได้ร้อยละ 80% (ใช้งานได้ 6 ชั่วโมง) ในเวลาเพียง หนึ่งชั่วโมงขณะแวะพักกลางทาง ด้วยน้ำหนักเบาเพียง 1.3 กิโลกรัมและความสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ง่ายด้วย high-speed WiFi, 802.11 b/g/n WLAN card, Bluetooth 2.1 (สั่งพิเศษ), และ 3.75G HSUPA (สั่งพิเศษ) เครื่อง U121 Eco จึงให้อิสรภาพอันแท้จริงในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากทุกที่ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถบันทึกข้อมูล 32GB ในระบบ SDD และ 500GB ในระบบ HDD ความจุรวมทั้งสิ้น 523GB (สั่งพิเศษ) ผู้ใช้จึงเหมือนมีห้องสมุดส่วนตัวพกพาไปทุกที่

ลูกเล่นอันน่าหลงใหล
U121 Ecoเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาอย่างเพียบพร้อมเพื่อให้สามารถตอบสนองความ ต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้ ระบบแสดงภาพ Definition (HD) สอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบกับหน้าจอ 1366x768 (16:9) ที่สามารถแสดงภาพได้สมบูรณ์แบบและสมจริง ไม่บิดเบือนหรือมีแถบดำคาดเป็นกรอบ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีระบบตอบสนองในเวลาเพียง 8ms และเทคโนโลยี UltraVivid™ (ทำให้สีของภาพคมชัดทุกรายละเอียด) ระบบการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดภาพวิดีโอก้ทำงานอย่างยอดเยี่ยมด้วย เว็บแคมความละเอียดสูงถึง 1.3 MP (ด้วย WebCam, Companion3, และ Magic-i Visual Effects), ลำโพง 2W ที่ติดตั้งภายใน, VoIP, และเทคโนโลยี SRS TruSurround HD 2 ช่องทาง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้ยังจะหลงรักแป้นพิมพ์ขนาดใหญ่ใช้ง่าย, future-proof HDMI (HDCP), และระบบการทำงานที่เงียบเพียง 26dB

BenQ เปิดตัว Joybook Lite U121 Eco

Gateway NV series Notebook


Gateway NV series Notebook
ขึ้นชื่อว่าเป็น Gateway ด้วยแล้วไม่ต้องห่วงเลยว่า NV series รุ่นใหม่นี้จะธรรมดา
เพราะ Gateway ได้ส่ง NV series มาพร้อมหน้าตาที่สวยงามไม่แพ้รุ่นอื่นๆ สเปกที่พอเพียงทำให้ราคาเพียงพอต้อการใช้งานทั่วๆไป หรือถ้าใครจะพกไปอวดสาวก็ย่อมได้ แถมยังมาพร้อมพังค์ชั่นพอเศษอย่าง one-touch backup ที่สามารถ Backup ข้อมูลง่ายเพียงแค่กดปุ่ม และ powersaving features ที่จะช่วยประหยัดพลังงานได้ดีทีเดียว. จอภาพขนาด 15.6 แบบ LED-backlit ที่ความละเอียด 1366 x 768 widescreen แรมสูงสุดที่ 4GB DDR2 และฮาร์ดดิสค์ขนาด 320GB , DVD optical drive, 802.11a/b/g/Draft-N, multi-card reader, VGA และ HDMI out, 4 USB 2.0, 6-cell battery พร้อม Windows Vista Home Premium. สีสันต์ก็มีให้เลือกมากกมายทั้ง NightSky Black, Midnight Blue, Cherry Red, และ Coffee Brown โดยสเปกจะมีทั้งฝั่ง ซีพียู 2.1 GHz จาก AMD Athlon 64 พร้อมการ์ดจออนบอร์ด Radeon HD 3200 กับราคาค่าตัวที่ $499 และ $599 สำหรับรุ่นซีพียู 2.1GHz จาก Intel Core 2 Duo และการ์ดจอออนบอร์ด GMS 4500MHD
Model Number: Gateway NV5214u
MSRP: $499.99 (ประมาณ 17,000 บาท)

€ AMD Athlon(TM) 64 X2 QL-64 Dual Core Processor (2.1 GHz, 1MB L2 cache, 667 MHz FSB)
€ 15.6" HD Ultrabright(TM) LED-backlit display with 16:9 ratio and 1366 x 768 pixel resolution
€ 4GB Dual-channel DDR2 Memory
€ 320GB hard disk drive(2)
€ AMD RS780MN Chipset
€ ATI Radeon(TM) HD 3200 Graphics
€ Integrated webcam
€ DVD-Super Multi double-layer drive
€ 802.11a/b/g/Draft-N WiFi Certified
€ Digital media card reader: Secure Digital(TM) (SD) Card, MultiMediaCard
(MMC), Memory Stick® (MS)Memory Stick PRO(TM) (MS PRO), xD-Picture Card(TM) (xD)
€ Ports and connections: HDMI(TM) port with HDCP support, Four USB 2.0 ports, External display (VGA) port, Headphone/speaker/line-out jack with S/PDIF support, Microphone-in jack, Ethernet (RJ-45) port and Modem (RJ-11) port and DC-in jack for AC adapter
€ Genuine Windows Vista® Home Premium (Service Pack 1)
€ MyBackup Button
€ 6-cell Li-ion battery (4400 mAh)
€ Coffee Brown chassis
Model Number: Gateway NV5807u
MSRP: $599.99 (ประมาณ 20,000 บาท)

€ Intel Core 2 Duo T6500 processor (2.10 GHz, 2 MB L2 cache, 800 MHz FSB)
€ 15.6" HD Ultrabright(TM) LED-backlit display with 16:9 ratio and 1366 x 768 pixel resolution
€ 4GB Dual-channel DDR2 Memory
€ 320GB hard disk drive(1)
€ Mobile Intel® GM459 Express Chipset
€ Intel® Graphics Media Accelerator 4500MHD
€ Integrated webcam
€ DVD-Super Multi double-layer drive
€ Intel® Wireless WiFi Link 5100/5300 (dual-band quad-mode 802.11a/b/g/Draft-N
€ Digital media card reader: Secure Digital(TM) (SD) Card, MultiMediaCard
(MMC), Memory Stick® (MS)Memory Stick PRO(TM) (MS PRO), xD-Picture Card(TM) (xD)
€ Ports and connections: HDMI(TM) port with HDCP support, Four USB 2.0 ports, External display (VGA) port, Headphone/speaker/line-out jack withS/PDIF support, Microphone-in jack, Ethernet (RJ-45) port and Modem (RJ-11)port and DC-in jack for AC adapter
€ Genuine Windows Vista® Home Premium (Service Pack 1)
€ MyBackup Button
€ 6-cell Li-ion battery (4400 mAh)
€ Midnight Blue chassis
Gateway NV series Notebook
ที่มา : notebookspec.com

Sony VAIO W netbook ราคาพอเหมาะ


Sony VAIO W netbook ราคาพอเหมาะ
หลังจากส่ง VAIO P ที่ Sony ยืนกรานว่ามันไม่ใช่ Netbook นะ ซึ่งทำให้มันมีสเปกและราคาที่สูงเกินไปสักหน่อย สุดท้าย Sony ก็ต้องส่ง Netbook ในแบบฉบับตัวเองมาสู่ตลาดกับ VAIO W ด้วยขนาดจอภาพ 10.1 นิ้ว ซีพียูรุ่นฮิตอย่าง 1.6GHz Atom ระบบปฏิบัติการ Windows XP แรม 1GB of RAM โดยสามารถนับได้ว่า VAIO W ตามมาจาก VAIO P ลงสู่ตลาดได้ 6 เดือนแล้ว เพื่อถมช่องว่างในตลาดนี้

แต่แน่นอนว่าในระดับ VAIO แล้วต้องไม่ธรรมดา นอกจากรูปแบบภายนอกที่ออกแบบมาอย่างสวยงามตามสไตล์ VAIO แล้ว ยังมาพร้อมจอภาพความละเอียดสูงถึง 1366 x 768 ฮาร์ดดิสค์ 160 GB HDD ,Bluetooth, 802.11b/g/n, VGA out, two USB ports, Ethernet, webcam และ MemoryStick / SD card readers. แบตเตอรี่ขนาด 3 cell ที่สามารถใช้งานได้ราวๆ 3 ชั่วโมง พร้อมรองรับ 3G , GPS และฮารืดดิสค์แบบ SSD เป็นออปชั่นเสริมด้วยคับ ในราคาเปิดตัวประมาณ $500 (ประมาณ 17,000 บาท)

ที่มา : notebookspec.com

Sony Vaio W Series Netbook Overview - Official from Sony

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Sony VAIO P รุ่นพิเศษกับ Body หนังสุดหรูหรา


Sony VAIO P รุ่นพิเศษกับ Body หนังสุดหรูหรา
VAIO P รุ่นพิเศษมาพร้อมฝาหลังแบบหนังสีน้ำตาลดูหรูหรามีระดับ
Sony ส่ง VAIO P รุ่นพิเศษสำหรับท่านๆที่ชอบความหรูหราแบบ กระเป๋าหนังด้วย “Signature Collection” โดยในข่าวไม่ได้บอกมาชัดเจนนักว่าเป็นหนังอะไร แต่คาดว่าจะเป็นหนังจระเข้ Sony โดยจะผลิตแค่ 1,000 เครื่องเท่านั้นในราคา $1,999 (ประมาณ 68,000 บาท) ซีพียู 1.86GHz CPU ฮาร์ดดิสค์ 256GB SSD


sony vaio p series: official video commercial
Sony VAIO P รุ่นพิเศษกับ Body หนังสุดหรูหรา
ที่มา : notebookspec.com

Netbook Rilakkuma น่ารักๆ จาก Bandai


Netbook Rilakkuma น่ารักๆ จาก Bandai
เน็ตบุ๊กสำหรับน้องๆ หนูๆ ด้วยลายการ์ตูนสุดน่ารัก Rilakkuma จาก Bandai

ช่วงนี้เห็นกระแสเน็ตบุ๊กสำหรับหนูน้อยแล้ว คงจะเป็นปลื้มไม่น้อย เพราะมีให้เลือกมากมาย หลากหลายยี่ห้อ ตั้งแต่ Eco Book จาก SVOA, Disney Book จาก Asus และ Rilakkuma จาก Bandai โดยประสิทธิภาพการใช้งานนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเน็ตบุ๊กทั่วๆ ไป เพียงแต่เป็นการเอาใจน้องๆ หนูๆ ด้วยลวดลายจากการ์ตูนที่ชื่นชอบ

สำหรับเน็ตบุ๊ก Rilakkuma นั้น ทาง Bandai ต้องการสื่อถึงตุ๊กตาหมีที่ชื่อ “ไลลาคุมะ” ซึ่งเป็นที่โปรดปรานและชื่นชอบสำหรับเด็กๆ มาก สังเกตได้จากลวดลายด้วยหมี ใช้โทนสีส้มขาว พร้อมซอฟต์เคสสว่างสดใสด้วยโทนสีเหลือง มาพร้อมซีพียู Intel Atom N270 ความเร็วสปีด 1.6 GHz พร้อมแรมขนาด 1GB DDR2 บัส 667 MHz ฮาร์ดดิสก์ความจุขนาด 160 GB จอแสดงผลขนาด 8.9 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล ทั้งนี้ยังได้ติดตั้งพอร์ตเชื่อมต่อ TV Tuner, Wi-Fi และ Bluetooth โดยมีน้ำหนักเพียง 1.08 kg เท่านั้น

สำหรับการวางจำหน่ายจะมีขายในเฉพาะญี่ปุ่นเท่านั้น ด้วยสนนราคา 79,800 Yen (€612) มีจำนวนจำกัดเพียง 500 เครื่องเท่านั้นครับ

Netbook Rilakkuma น่ารักๆ จาก Bandai
ที่มา : notebookspec.com

Apple เตรียมเผยโฉม เน็ตบุ๊ก ขนาดจิ๋ว


สตีฟ จ็อบ เตรียมเผยโฉมเน็ตบุ๊กขนาดจิ๋ว พร้อมจอเพียง 9.7 นิ้ว กับรูปแบบ Tablet PC
ดูท่าสตีฟ จ็อบ แห่งค่ายผลไม้แดงอย่างแอฟเปิ้ล คงเอาจริงเอาจังกับการเปิดตัวเน็ตบุ๊ก หลังจากที่เจอโรคเลื่อน เดิมทีแคมเปญตั้งเป้าไว้เดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ต้องหลีกทางให้กับ iPhone 3GS ที่โด่งดังเป็นพลุแตก การเปิดตัวคราวนี้ย่อมไม่ธรรมดา เพราะเป็นเน็ตบุ๊กแบบจอสัมผัส หรือทัชสกรีนนั่นเอง มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 9.7 นิ้ว (ใหญ่กว่า iPod Touch) ที่สามารถปรับหมุนได้แบบ Tablet PC ยังไงยังงั้น สำหรับการวางจำหน่ายนั้นเลื่อนไปเดือนธันวาคม หรือปลายปี คาดว่าค่าตัวของเจ้าเน็ตบุ๊กขนาดจิ๋วนี้ อยู่ที่ประมาณ $800 หรือประมาณ 28,000 บาท

Apple เตรียมเผยโฉม เน็ตบุ๊ก ขนาดจิ๋ว
ที่มา : notebookspec.com

Asus Eee PC T91 Netbook จอสัมผัส


Hands-on with the Asus Eee PC T91 Asus Eee PC T91 Netbook จอสัมผัส
เมื่อเน็ตบุ๊กจำต้องกลายร่างเป็นแท็บเล็ต พีซี พร้อมระบบจอสัมผัสแบบทัชสกรีน
นวัตกรรมไม่เคยหยุดนิ่ง เมื่ออัสซุสหันมาจับเน็ตบุ๊กอย่าง Eee PC ให้เปลี่ยนโฉม กลายร่างเป็น Tablet PC พร้อมคุณสมบัติอันโดดเด่น จอที่สามารถปรับหมุนได้ อีกทั้งระบบจอสัมผัสแบบ Touch Screen และปากกา Digitized แสดงผลด้วยจอขนาด 8.9 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล ใช้เทคโนโลยีจอภาพแบบ LED Backlite (แต่ถ้า Eee PC T101 มาพร้อมจอขนาด 10 นิ้ว) ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังซีพียู Intel Atom Z520 ความเร็ว 1.33 GHz แรมขนาด 1GB DDR2 ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ขนาด 8GB ติดตั้งกล้องเว็บแคมขนาด 1.3 ล้านพิกเซล รองรับเครือข่ายไร้สายกับ Wi-Fi 802.11n และ ฺBluetooth 2.1 แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 5 ชั่วโมง สนนราคาประมาณ $499 หรือประมาณ 18,000 บาท คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายกลางเดือนกรกฏาคมนี้

ที่มา : notebookspec.com

LG Xnote Mini X120 Levi’s Special Edition Netbook


LG Xnote Mini X120 Levi’s Special Edition Netbook
LG Xnote Mini X120 Levi’s Special Edition Netbook เอลจี เน็ตบุ๊ค รุ่นพิเศษ สำหรับคนรักยีนส์ ด้วยการออกแบบลวดลาย กางเกงยีนส์ลีวายบนตัวเครื่อง

LG Xnote Mini X120 Levi’s Special Edition Netbook จากเกาหลีใต้ โดยที่สเปกเครื่องเป็นแบบเดิมๆกับ X120 คือ หน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว 1024×600 LCD display, Intel Atom N270 CPU ความจุขนาด 160GB, RAM 1GB, Bluetooth 2.0, Microsoft Windows XP Home OS และแบตขนาด 6-cel


ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก www.techfresh.net

Hp Mini 5101 netbook รุ่นปรับปรุงใหม่


Hp Mini 5101 netbook รุ่นปรับปรุงใหม่
นอกจากหน้าตาที่ออกแบบมาใหม่แล้วยังมาพร้อมจอภาพที่ความละเอียดสูง และฮาร์ดดิสค์ระดับ SSD
HP ส่ง Netbook ที่ได้ปรับปรุงใหม่ทั้งหน้าตาและสเปก มาเป็น Mini 5101 ที่ Body มีการออกแบบมาคล้าย aluminum และ magnesium ดูแข็งแรงทนทาน เรียบๆไปอีกแบบ มีทั้ง Bluetooth 2.0, 2 megapixel webcam, และจอภาพที่มีให้เลือกทั้งความละเอียด WSVGA (1024 x 600) หรือ ระดับ ”HD” (1366 x 768) บนจอภาพขนาด 10.1 นิ้ว แบบ LED ฮาร์ดดิสค์ก็มีทั้งแบบธรรมดาขนาด 80GB หรือ 128GB แบบ SSD,แบตเตอรี่ 4 – 6 cell มากับราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 14800 บาท นอกนั้นยังมีออปชั่นเสิรมทั้ง ไดร์ฟ USB-external , ลำโพงภายนอก และ port replicator ด้วย

HP Mini 5101 Netbook

Nokia Netbook Booklet 3G first video


Nokia Booklet 3G first video
โนเกียเปิดตัวเน็ตบุ๊ค Nokia Booklet 3G ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Intel Atom แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน 12 ชั่วโมง โครงสร้างผลิตด้วยวัสดุอลูมิเนียม พกพาได้สะดวกเพราะน้ำหนักเบา 1.25 กิโลกรัม ตัวเครื่องบาง 2 เซนติเมตร จอแสดงผล กว้าง 10 นิ้ว เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านเครือข่าย 3G / HSPA และ Wi-Fi พร้อมบริการที่หลากหลายจาก Ovi ไม่ว่าจะเป็นบริการดาวน์โหลดเพลงผ่าน Nokia Music Store ซินโครไนซ์กับโทรศัพท์มือถือด้วย Ovi Suite และมีระบบนำทาง A-GPS โดยใช้แผนที่ Ovi Maps มีกล้องสำหรับวีดีโอคอลล์ เชื่อมต่อกับวีดีโอคุณภาพสูงผ่านช่อง HDMI ถ่ายโอนข้อมูลกับการ์ดหน่วยความจำภายนอกด้วยช่องเชื่อมต่อการ์ดเอสดี และ รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth สำหรับรับ-ส่งข้อมูลไร้สาย

Nokia Netbook Booklet 3G first video
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก Siam Phone

7 วิธี เพิ่มความเร็วง่ายๆให้แก่ Notebook สุดรัก

7 วิธี เพิ่มความเร็วง่ายๆให้แก่ Notebook สุดรัก
การทำให้ Notebook ของทุกๆท่านกลับมาตอบสนองได้รวดเร็วดังเดิม เหมือนเพิ่ง Format เครื่องมาใหม่ๆ ไม่มีอืด ไม่มีหน่วง ให้ต้องรำคาญใจกันอีกต่อไป สำหรับ 7 วิธีที่ว่านี้มีอะไรกันบ้างเราไปติดตามชมกันเลยดีกว่าครับ

วิธีที่ 1 เพิ่มแรม เพิ่มความเร็ว !!
สำหรับในส่วนของวิธีแรกนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างจะนิยมกันอย่างแพร่หลาย และผมคิดว่าท่านผู้อ่านเกือบจะทั้งหมดก็คงจะรู้จักวิธีนี้กันเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นผมขอรวบรัดตัดตอนไปพูดกันถึงเรื่องประสิทธิภาพกันเลยจะดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:ก่อนอื่นเรามาเริ่มกันด้วยแนวทางทางทฤษฎีกันก่อนเลยดีกว่าครับ โดยสำหรับทางด้านสรรคุณที่มีการโฆษณากันอยู่ทั่วๆไปนั้น มักจะบอกว่าการเพิ่มแรมสามารถเพิ่มความเร็วให้กับระบบของคุณได้ และนอกจากนี้ยังสามารถที่จะรันโปรแกรมขึ้นมาพร้อมๆกันได้มากกว่าเดิมอีกด้วย

ภาคปฏิบัติ:สำหรับการทดลองประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากการอัพเกรดแรมนั้นพบว่า เวลาในการบูทระบบนั้น ทำเวลาได้ดีขึ้นกว่าเดิมเพียง 1 วินาที สำหรับ Windows XP และ 2 วินาที สำหรับ Windows Vista เท่านั้นจากการเพิ่มแรมเข้าไปอีก 1 GB แต่ความเร็วโดยรวมของระบบหลังจากการเพิ่มแรมนั้น สามารถทำได้อย่างชัดเจนกว่า คือ การเปิดโปรแกรม iTune ใน Windows Vista ก่อนการอัพเกรดแรมนั้นจะอยู่ที่ 29 วินาทีจึงจะพร้อมใช้งาน แต่หลังจากที่เพิ่มแรมเข้าไปอีก 1 GB พบว่าใช้เวลาในการเปิดเพียง 17 วินาที เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีผลการ Test ในด้านของการเปิดโปรแกรมหลายๆโปรแกรมพร้อมๆกันอีกด้วย ซึ่ง แรม 1 GB นั้น สามารถเปิดได้เพียง โปรแกรมสำหรับการ chat 2 โปรแกรม, โปรแกรม Weather Bug และ Google Earth ซึ่งหากเปิดอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่านี้ก็จะเริ่มออกอาการหน่วงให้เห็น นอกจากนี้ยังได้ทดสอบการ Zip Folder ที่มีขนาด 385 MB ซึ่งผลปรากฏว่าใช้เวลาไปทั้งหมด 1 ชั่วโมง 44 นาที พอทดสอบที่ 1 GB เสร็จแล้วเราก็จะมาลุยกันต่อโดยการเพิ่มแรมเข้าไปอีก 1 GB ผลออกมาดังนี้ครับ โดยผลทางด้านการเปิดใช้งานโปรแกรมต่างๆพร้อมกันนั้น สามารถที่จะเปิดโปรแกรมสำหรับการ chat พร้อมกัน 3 ตัว, Weather Bug, Google Earth, iTunes, World in Conflict และ Internet Explorer อีก 2 หน้าต่าง ส่วนผลการทดสอบ Zip นั้น ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที เท่านั้นครับ

วิธีที่ 2 Defrag ง่ายๆ ไม่เสียตังค์

สำหรับวิธีนี้ก็อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นการใช้ tools ที่มากับตัววินโดวส์อยู่แล้ว หรือ tools ประเภทนี้ที่เป็นของยี่ห้ออื่นๆ ในการจัดเรียงข้อมูลบน Harddisk ใหม่ เพื่อให้ระบบสามารถเรียกใช้ข้อมูลต่างๆที่ต้องการได้รวดเร็วขึ้น ส่วนวิธีการเรียกใช้งาน Defragment ของตัว Windows นั้นก็สามารถทำได้ง่ายๆครับ เพียงแค่เลือกไปที่ Start >> All Programs >> Accessories >> System Tools แล้วคลิกเพื่อเปิด Disk Defragmenter จากนั้นก็เริ่มทำการ Defrag กันได้เลยครับ

ภาคทฤษฎี: คำแนะนำในเรื่องของการ Defrag ว่าควรทำบ่อยแค่ไหนนั้น ยังไม่มีผลการทดสอบที่ออกมานำเสนอ หรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญใดๆ ทั้งนี้เพราะว่าการเกิดการ fragment หรือการกระจัดกระจายของข้อมูลบน Harddisk ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่น ความถี่ในการใช้งาน หรือ การเพิ่มและลบข้อมูลต่างๆบน Harddisk ซึ่งตรงจุดนี้เอาเป็นว่า Defrag กันอย่างน้อยเดือนละครั้งน่าจะดีที่สุดครับ

ภาคปฏิบัติ:สำหรับการทดสอบบน Windows XP นั้น พบว่าการบูทหลังจากที่ได้ทำการ Defrag ไปนั้น สามารถลดเวลาลงไปได้ถึง 35 วินาที ส่วนบน Windows Vista ใช้เวลาลดลงไป 6 วินาที นอกจากนี้ยังมีการทดสอบอีกแบบนึง โดยการสร้างไฟล์ที่ชื่อว่า “Find Me.txt” ขึ้นมาหลังจากนั้นก็ทำการซ่อนไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของ Harddisk แล้วทำการ Serch ซึ่งผลปรากฏว่าก่อนการ Defrag ใช้เวลา 22 วินาที และหลังจาก Defrag ใช้เวลาเพียงแค่ 6 วินาทีเท่านั้นครับ

วิธีที่ 3 กำจัดโปรแกรมขยะต่างๆให้สิ้นซาก !!

เครื่องคอมพิวเตอร์สมัยนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนๆ ก็มักจะพบกับโปรแกรมขยะต่างๆที่มักจะแฝงตัวมาพร้อมกับโปรแกรมหลักต่างๆที่เราต้องการใช้งาน อาทิ เช่น Google Desktop, Google Tool Bar, Yahoo Tool Bar และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งใครที่เป็นบุคคลประเภท คลิก Next ไปเรื่อยๆ เวลาลงโปรแกรม มักจะมีโปรแกรมเหล่านี้มาแอบอาศัยอยู่ในเครื่องมากมายครับ ฉะนั้น เพื่อความคล่องตัวในการทำงานของตัวเครื่อง เรามากำจัดเหล่ากาฝากพวกนี้ให้สิ้นซากกันดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:ตามลักษณะทั่วไปของโปรแกรมเหล่านี้ มักจะถูกบูทเองโดยอัตโนมัติทันทีที่เราเปิดเครื่องครับ และมักจะทำงานเป็น Back Ground อยู่เงียบๆ แอบกินทรัพยากรโดยเราไม่ได้เรียกใช้งานโปรแกรมเหล่านี้แม้แต่น้อย ซึ่งหากเราปล่อยให้มีโปรแกรมเหล่านี้มากๆเข้า จำนวนพื้นที่ว่างบนแรมที่จะเหลือให้เราใช้งานนั้นก็จะลดลงไปด้วย ทำให้เครื่องใช้งานแรมได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งผลที่ตามมานั่นก็คือ ช้านั่นเองครับ

ภาคปฏิบัติ:สำหรับทางแก้ของเรานั้น เราจะไปทำการดาวน์โหลดโปรแกรมที่มีชื่อว่า PC Decrapifier (www.pcdecrapifier.com) มาใช้ในการตรวจสอบว่าโปรแกรมขยะต่างๆนั้นมีอะไรบ้างและแฝงตัวอยู่ที่ไหนกันบ้าง สุดท้ายเราก็จะอาศัยโปรแกรมเหล่านี้ให้ช่วยกำจัดสิ่งไม่พึงประสงค์ต่างๆเหล่านี้ให้ออกไปจาก Notebook สุดรักของเราอย่างถาวรครับ (ถ้าไม่ไปติดตั้งใหม่) ซึ่งผลจากการ Scan หานั้นพบโปรแกรมต่างๆเหล่านี้ที่ไม่ได้มีการเรียกให้ใช้งานกำลังกินกันอย่างสนุกสนานครับ AIM6.exe (17MB ), Google Desktop Startup (17MB), Google Talk (13MB), iTunesHelper (4MB), and และอื่นๆอีกประมาณ 51MB นอกจากนี้ยังได้ Remove พวก Start-Up โปรแกรมต่างๆไปอีกมากมาย ถือว่าเป็นอีก 1 วิธีที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

วิธีที่ 4 ยกเครื่องให้ฟิต พิชิตจุดบกพร่อง

สำหรับวิธีที่ 4 นี้จะเป็นการอาศัยโปรแกรมที่มีหน้าที่ในการแก้ไข error ต่างๆบนเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ registry หรือ shortcut ต่างๆที่ไม่ปรากฏแล้ว ซึ่งโปรแกรมแนวๆนี้หลายๆท่านอาจจะเคยได้เห็นจากทางเว็บของเรากันบ้างแล้ว คือ http://www.notebookspec.com/2008/08oct-error+notebook.html แต่ในวันนี้ทางเราจะแนะนำโปรแกรมที่มีชื่อว่า iolo System Mechanic 7 (www.iolo.com/sm) สนนราคาอยู่ที่ $49.95 ครับ จะได้ผลลัพธ์ยังไงบ้างเราไปชมกันเลยดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:สำหรับเจ้าตัว iolo System Mechanic 7 นั้นจะแก้ไขปัญหาต่างๆที่คุณอาจจะไม่สามารถทำเองได้ ซึ่งการทำงานหลักๆจะประกอบไปด้วย การซ่อมแซม Short Cut ที่เกิดอาการหาปลายทางไม่เจอ เพื่อให้คอมพิวเตอร์หยุดการค้นหาโปรแกรมต่างๆที่ไม่มี หรือได้ uninstall ไปแล้ว, การซ่อมแซมแก้ไข registry ต่างๆ ที่เกิดความเสียหาย ซึ่งมักเป็นสาเหตุให้เครื่องคอมพิวเตอร์เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง เกิดอาการค้าง หรืออาจจะเปิดไม่ติดเลยในบางครั้ง

ภาคปฏิบัติ: สำหรับการทดสอบโดยการรันโปรแกรม iolo System Mechanic 7 บนเครื่อง Notebook เป้าหมายของเราที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows XP แล้วนั้นปรากฏว่าพบ error ของ registry ทั้งหมด 312 จุด นอกจากนี้ยังตรวจพบความเสียหายของตัว Harddisk อีกด้วย, พบ shortcut ที่เสียหายทั้งหมด 77 จุด และมีแรมเหลือให้ใช้งานเพียง 7% ภายหลังจากการซ่อมแซม error ต่างๆโดยโปรแกรม iolo System Mechanic 7 เรียบร้อยแล้ว พบว่า ความเร็วในการ Boot เครื่องสามารถทำเวลาได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 2 วินาที ส่วนการทดสอบบน Windows Vista ปรากฏว่าพบ error ของ registry ทั้งหมด 154 จุด นอกจากนี้ยังตรวจพบความเสียหายของตัว Harddisk อีกด้วย และพบการกระจายตัวของข้อมูลอย่างไม่เป็นระเบียบบน Harddisk คิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 23% ซึ่งหลังจากการซ่อมแซม error ต่างๆโดยโปรแกรม iolo System Mechanic 7 เรียบร้อยแล้ว พบว่า ความเร็วในการ Boot เครื่องสามารถทำเวลาได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 8 วินาที

วิธีที่ 5 ยกเลิกดัชนีค้นหา ลดเวลาเรียกโปรแกรม !!

โดยปกติตั้งแต่ Windows เวอร์ชั่น XP ขึ้นไปนั้น จะมีการเปิดฟังก์ชั่น “Allow Indexing Service to index this disk for fast file searching” ในหน้าของ Disk Properties แบบอัตโนมัติ ซึ่งประโยชน์จากการใช้งานฟังก์ชั่นนี้ก็คือ จะสามารถทำให้ search หาไฟล์ต่างๆที่เราต้องการได้เร็วขึ้น แต่สิ่งที่ต้องแลกมานั่นก็คือการกินทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ซึ่งจะส่งผลกับเครื่องแค่ไหน เราไปชมผลทดสอบกันเลยดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:การ Disable ฟังก์ชั่นการใช้งาน index นี้จะเป็นการยกเลิกการทำดัชนีไฟล์ต่างๆของระบบ ซึ่งค่อนข้างกินทรพยากร และเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ช้าลงไปนั่นเอง ซึ่งถ้าคุณเป็นคนที่หมั่นจัดระเบียบเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว และมักที่จดจำได้ว่าไฟล์ต่างๆที่เราต้องการนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้งานฟังก์ชั่นนี้แต่อย่างไร ซึ่งคุณสามารถปิดฟังก์ชั่นที่ว่านี้ได้โดยการ คลิกขวา Drive ที่ต้องการจะยกเลิก แล้วเลือกไปที่ Properties จากนั้นเมื่อปรากฏหน้าต่าง Disk Properties ขึ้นมาแล้ว ให้ติ๊กเอาเครื่องหมายถูกที่ช่อง “Allow Indexing Service to index this disk for fast file searching” เพียงเท่านี้ก็จะสามารถลดการบริโภคทรัพยากรลงได้แล้วล่ะครับ

ภาคปฏิบัติ: การทดสอบนั้น เราจะทำการทดสอบโดยใช้งาน Windows Vista ที่มีแรมขนาด 1 GB จากนั้นเรียกใช้งานโปรแกรมที่มีชื่อว่า World of Conflict แล้วจับเวลาตั้งแต่เริ่ม Boot จนกระทั่งเสร็จสิ้น ทั้งก่อนและหลังการยกเลิกฟังก์ชั่น index นี้ ผลปรากฏว่าเวลาสามารถทำเวลาในการ Boot ได้เร็วขึ้นถึง 10 วินาทีด้วยกันครับ

วิธีที่ 6 กำจัด Spyware กาฝากบ่อนทำลาย !!

ผมคิดว่าหลายๆคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของ Spyware กันมาบ้างแล้ว ซึ่งเจ้าตัว Spyware นั้นนอกจากจะมีผลเสียในเรื่องของการแอบขโมยข้อมูลต่างๆแล้ว ยังทำให้เครื่องของเราทำงานช้าลงไปด้วยเนื่องจาก Spyware เหล่านี้เปรียบเสมือนกับโปรแกรมโปรแกรมหนึ่งที่ทำงานอยู่บนเครื่องของเราตลอดเวลา ทำให้ต้องสูญเสียทรัพยากรไปกับเหล่ากาฝากพวกนี้ เห็นอย่างนี้แล้วจะช้าอยู่ทำไม ไปกำจัดกันเลยดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:Spyware นั้นก็คือ โปรแกรมดีๆนี่เอง ซึ่งจะแอบทำงานเป็น Background โดยคุณไม่รู้ตัวนั่นเอง ซึ่งหน้าที่ของเจ้า Spyware ก็คือคอยรายงานพฤติกรรมการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณกลับไปยัง Host ของมัน นอกจากนี้ยังบริโภคทรัพยากรบนเครื่องของคุณไปกับการทำงานที่ไร้สาระนี้อีกด้วย ว่าแล้วเราก็เลยต้องอาศัยพระเอกในวันนี้นั่นก็คือ โปรแกรม Spybot Search & Destroy (www.safer-networking.org/en) เข้ามาช่วยจัดการในการล่าล้างและทำลาย ซึ่งโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมประเภทฟรีแวร์ครับ คุณสามารถโหลดมาใช้งานได้ฟรีๆ แล้วถ้าคุณยิ่งใช้โปรแกรมนี้มากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเจอเหล่ากาฝากประเภทนี้ก็จะลดน้อยลงเท่านั้นครับ ผมข้อแนะนำให้ scan กันอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งครับ

ภาคปฏิบัติ: จากการทดสอบบน Windows Vista แล้วนั้น ตรวจพบปัญหา 233 ข้อ ที่เกิดจากโปรแกรม Spyware15 โปรแกรม ส่วนบน Windows XP นั้น ตรวจพบปัญหา 86 ข้อ ที่เกิดจากโปรแกรม Spyware12 โปรแกรม อย่างไรก็ตามจากการทดสอบประสิทธิภาพแล้วนั้น พบว่าไม่ต่างกันระหว่างก่อนและหลังจากใช้งานโปรแกรมนี้ แต่เราก็ยังอยากจะแนะนำให้คุณใช้งานโปรแกรมเพื่อความปลอดภัยต่อข้อมูลส่วนตัวของคุณครับ

วิธีที่ 7 หยุด Background Service ที่ไม่จำเป็น

Service ต่างๆนั้นจะทำงานอยู่เป็น Background ครับ ซึ่งคล้ายๆกับการทำงานของ Spyware ซึ่งเจ้า Service ต่างๆนั้น ก็จะประกอบไปด้วยการทำงานต่างๆของคอมพิวเตอร์ที่มีทั้งแบบจำเป็นและแบบไม่จำเป็น เช่น การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับ Printer, การตรวจสอบของ Windows update และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่ง Service เหล่านี้จะมีบาง Service ที่มีการทำงานแบบ Automatic คือ เริ่มทำงานตั้งแต่เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเลยทีเดียว ทั้ง Service ที่จำเป็นและไม่จำเป็น ว่าแล้วก็ไปชมวิธีเปิดปิด Service เหล่านี้กันเลยดีกว่าครับ

ภาคทฤษฎี:สำหรับการเปิดปิด Service นั้นก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงพิมพ์คำว่า “services.msc” ในช่อง Run ทั้งแบบ Windows XP และแบบ Windows Vista แล้วกด OK (หรือ Enter) ก็จะปรากฏ List ของรายการ Service ต่างๆขึ้นมา จากนั้นเพียงแค่ คลิกขวายังชื่อ Service ที่เราต้องการแก้ไข แล้วเลือกไปที่ Properties สังเกตในส่วนของ Startup Type ให้กำหนดว่าจะเป็นแบบ Manual หรือ Disable ไปเลยก็ได้ ตามแต่ที่ต้องการ ส่วนใครที่ไม่รู้ว่า Service ไหนเป็นอะไรลองไป Search ได้จาก google ครับ ส่วนผมก็จะขอแนะนำตัวอย่าง link ที่รวบรวมคำอธิบาย Service ต่างๆให้ทุกๆท่านได้เอาไปลองวิชากันตาม Link นี้เลยครับ http://premierairs.com/i/index.php?option=com_content&task=view&id=15&Itemid=2
7 วิธี เพิ่มความเร็วง่ายๆให้แก่ Notebook สุดรัก
ภาคปฏิบัติ: ผลการทดสอบจากการทดลองปิด Service ต่างๆนั้น เช่น automatic downloads ผลปรากฏว่าการทำงานโดยรวมของระบบเร็วขึ้นกว่าก่อนการปิด Service แบบสังเกตได้ นอกจากนั้นการปิด Service ในส่วนนี้ยังเป็นการเพิ่ม Bandwidth ของอินเตอร์เน็ท ทำให้สามารถdownload ได้เร็วกว่าเดิมอีกด้วยครับ เอาล่ะครับเรียกได้ว่าแบไต๋ กันไปแบบหมดไส้หมดพุงเลยทีเดียว ใครที่ทำครบทั้ง 7 วิธีที่แนะนำไป ผมเชื่อว่าคงจะเร็วขึ้นไม่มากก็น้อยเลยละครับ สำหรับวันนี้ก็คงต้องขอจบการนำเสนอ Tip เด็ดๆแต่เพียงเท่านี้ครับ ยังไงคราวหน้าผมไม่พลาดที่จะนำเอา Tip ดีๆมานำเสนอกันอีกเช่นเคยแน่นอนครับ ยังไงคุณผู้อ่านทั้งหลายก็อย่าพลาดชมกันนะครับ ^^ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
7 วิธี เพิ่มความเร็วง่ายๆให้แก่ Notebook สุดรัก

4 วิธีในการทำให้เครื่องคอมฯ มีอายุยาวนานขึ้น.....

4 วิธีในการทำให้เครื่องคอมฯ มีอายุยาวนานขึ้น.....
"การป้องกัน ย่อมดีกว่าการแก้ไข” จริงหรือเปล่าครับ! วิธีง่ายๆ ในการช่วยทำให้อายุของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมีอายุที่ยาวนานขึ้น

1.หลีกเลี่ยงการตั้งเครื่องคอมฯ ในบริเวณที่มีการสูบบุหรี่ ควันบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เครื่องคอมฯ มีปัญหาได้ เพราะเขม่าควันจะทำให้เกิดคราบ ทำให้อุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครื่องมีปัญหาได้

2.หลีกเลี่ยงให้เครื่องคอมฯ ทำงานตลอดเวลา ถ้าไม่ได้ใช้งาน ควรปิดเครื่องคอมฯ เสีย ทั้งนี้เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ ให้พักบ้าง อย่างไรก็ตามเราสามารถระบบ

* Power Management ในการช่วยเหลือได้ (คลิกขวาที่หน้าจอ เลือก Properties -> Screen Saver จากนั้นเลือก Power)

* Power Management จะเป็นโปรแกรมจัดการเรื่องการใช้พลังงานในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น Monitor LCD, hard disk, CPU เป็นต้น โดยการกำหนดเวลาว่า ถ้าไม่มีการใช้งานในระยะเวลาหนึ่ง ให้ทำการหยุดการทำงานในอุปกรณ์นั้นๆ เช่น ตั้งเวลาไว้

3.หลีกเลี่ยงให้จอภาพทำงานตลอดเวลา สามารถทำได้โดยปิดสวิทซ์โดยใช้ฟังก์ชั่นของโน้ตบุกของแต่ล่ะรุ่น อย่างเช่น ยี่ห้อAcer จะใช้วิธีการกด FN+F6 ในขณะที่ไม่มีการใช้งาน โดยเฉพาะสำนักงานที่พักเที่ยงในตอนกลางวัน หรือใช้ระบบ Power Management ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าไฟของคุณได้ด้วย

4.ระวังเวลาที่ Hard Disk Copy ไฟล์งาน หรือ ไฟ Hard Disk อยู่ไม่ควรที่จะเคลื่อนย้ายระหว่างการทำงาน หรือ สั่นเทือนแรงๆ! เพราะอาจจะส่งผลให้ Hard Disk เสียหายได้ทำ
4 วิธีในการทำให้เครื่องคอมฯ มีอายุยาวนานขึ้น.....
เขียนโดย Indy

เสียบปลั๊ก Notebook‏ แบบไหนดี

เสียบปลั๊ก Notebook‏ แบบไหนดี
เรื่องนี้เป็นทิปสั้นๆ แต่..ทิปสั้นๆ นี้ ผมเชื่อว่ามีใครหลายยคนที่ไม่เคยรู้มาก่อน ประมาณว่า จริงเหรอ? ใช่เหรอ?

ในช่วงแรกๆ ที่ผมใช้โน้ตบุ๊กก็อาการเดียวกับหลายๆ ท่าน เวลาจะเสียบปลั๊กก็เสียบตัวอะแดปเตอร์เข้ากับตัวเครื่องก่อน (จริงๆ มันน่าจะถูกนะ) แล้วก็เอาปลั๊กอีกด้านไปเสียบกับเต้ารับของที่บ้าน หรือที่ทำงาน โดยหลักความเป็นจริงแล้ว มันจะควรจะทำแบบนี้ใช่มั้ย?

คิดว่าหลายคนคิดเหมือนผม ปัญหาที่ผมเจอเมื่อทำแบบนี้กับโน้ตบุ๊กแทบทุกรุ่นที่ผ่านมา ก็คือมันมีไฟแลปออกมาจากตัวปลั๊ก เหมือนเกิดการสปาร์คขึ้น เสียบกี่ครั้งก็เกิดอาการแบบนี้ จนพาลคิดไปว่าพวกอะแดปเตอร์โน้ตบุ๊กมันไม่ค่อยดีมั้ง ผมก็หาวิธีแก้ไขบ้าง

เพื่อนหลายคนใช้วิธีเด็ดกว่านี้ครับ คือซื้อปลั๊กที่มีสวิทซ์เปิดปิดมาเลย วิธีการที่เขาทำก็คือ เสียบปลั๊กทุกๆ อย่างให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเปิดสวิทซ์ที่ปลั๊ก เอ้ออ.. ไอเดียดีเนาะว่ามั้ย แต่จนแล้วจนรอด ผมเอ๊ะใจขึ้นมา เลยเปิดคู่มือโน้ตบุ๊กที่ผมเพิ่งได้มาใหม่ดู นั่งอ่านสักพัก ก็ถึง บ้างอ้อ จนได้ว่า สิ่งที่เราทำมานั้น ไม่ถูกต้องเลยครับ

มิน่า เสียบยี่ห้อไหน ก็ไฟแลบตะแลบแป๊บหมด.. พาลเอาใจหายว่าไฟจะช็อตได้

ต่อไปนี้ตั้งใจอ่านให้ดีดีนะครับ ในคู่มือเขาบอกไว้ชัดเจนเลยครับว่า วิธีการเสียบปลั๊กอะแดปเตอร์ของโน้ตบุ๊ก ที่ถูกต้องก็คือ ให้เราเสียบปลั๊กเข้ากับเต้ารับที่บ้านหรือที่ทำงานก่อนครับ จากนั้นค่อยเอาปลายอีกด้านที่เหลือมาเสียบเข้ากับโน้ตบุ๊ก อันนี้คือวิธีที่ถูกต้อง

ผมเลยลองดูซะเลยครับ ปรากฏว่าอาการไฟแลบหรืออาการสปาร์คนั้นไม่มีเกิดขึ้นเลย โอ้! นี่แหละหนาาา..นิสัยไม่ชอบอ่านคู่มือ หลังจากนั้นมาผมก็พยายามแนะนำเพื่อนๆ ทุกคนที่เกิดอาการนี้ทั้งหมด ทุกรายแฮปปี้ดีแทคมากๆ ผมเชื่อว่าหลายคนยังไม่ทราบครับ ใครที่ทราบแล้วก็ฝากบอกต่อเพื่อนๆ ด้วยนะครับ จะได้เสียบปลั๊กอะแดปเตอร์ได้ถูกต้องเสียที ใครใช้โน้ตบุ๊กอยู่ตอนนี้จะลองทำดูก็ได้นะครับ

ขอเพิ่มเติมด้วยว่า ใช้วิธีเดียวกันนี้กับ ทั้งมือถือ และ PDA ด้วย

เสียบปลั๊ก Notebook‏ แบบไหนดี
thank you from: share.psu.ac.th/blog/tip-ple-tip/1246

การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook กับ Projector

การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook กับ Projector
ปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook ไม่สามารถใช้กับโปรเจคเตอร์นั้นมีมากทีเดียว กว่าร้อยละ 80 เกิดจากคอมพิวเตอร์ Notebook นั้นเอง นั่นคืออาจเกิดจาก driver ของคอมพิวเตอร์ Notebook มีปัญหา หรืออาจเกิดจากการปรับตั้งไม่ถูกต้อง ซึ่งวิธีตรวจสอบเบื้องต้นง่ายๆ คือนำเครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook มาต่อเข้ากับจอมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะนำไปใช้กับโปรเจคเตอร์
ในเรื่องของการต่อเชื่อมนั้น คอมพิวเตอร์สมัยใหม่จะมีการส่งข้อมูลระหว่าง Notebook กับจอมอนิเตอร์หรือโปรเจคเตอร์ ฉะนั้นคุณจะต้องต่อเชื่อมสายสัญญาณ VGA ให้เสร็จ ก่อนจะเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนโปรเจคเตอร์ก็ให้ Standby หรือเปิดเครื่องไว้ได้เลยครับ หลังจากเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว เครื่องจะทำการ detect อัตโนมัติ เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะปรับตั้งให้สามารถแสดงภาพออกทาง Port VGA out ( หรือบางเครื่องเรียก Monitor out) ได้ทันที แต่บางเครื่องต้องกดปุ่ม Function ( ปุ่ม Fn ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ทางซ้ายล่างของคีย์บอร์ด) พร้อมกับปุ่ม Function Key เพื่อให้แสดงภาพคอมพิวเตอร์ออกทางช่อง VGA out ได้นั้นมันจะเป็นรูปหน้าจอคอมพิวเตอร์/หน้าจอ LCD ของ Notebook หรือเขียนคำว่า MONITOR หรือ LCD ซึ่งคอมพิวเตอร์แต่ละรุ่นจะมีตำแหน่งของ Function Key แตกต่างกันไป แม้แต่ยี่ห้อเดียวกันถ้าต่างรุ่น Function Key ก็อาจจะอยู่ต่างตำแหน่งกัน เช่นบางเครื่องอยู่ที่ F3 บางเครื่องอยู่ที่ F8 เป็นต้น เมื่อกดปุ่ม Function พร้อมกับ Function Key ครั้งแรกอาจจะแสดงภาพออกเฉพาะโปรเจคเตอร์ ให้กดอีกครั้งภาพจะแสดงออกทั้งหน้าจอของคอมพิวเตอร์ Notebook พร้อมๆ กับโปรเจคเตอร์ และเมื่อกดอีกครั้งภาพจะกลับมาแสดงเฉพาะจอของ Notebook เหมือนเดิม บางครั้งการกดอาจไม่ได้เรียงลำดับแบบนี้อาจมีการสลับกันได้

เครื่องคอมพิวเตอร์ notebook บางเครื่องไม่สามารถแสดงภาพออกทางโปรเจคเตอร์ได้พร้อมกับจอของคอมพิวเตอร์ Notebook แม้ว่าตอน Boot เครื่องจะมีข้อความแสดงออกทางโปรเจคเตอร์อยู่ก็ตามแต่เมื่อเข้าสู่ระบบปฏิบัติการแล้ว ไม่สามารถแสดงพร้อมกันได้ คือต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ฉะนั้นควรต้องศึกษาคุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ Notebook ให้ดีก่อนซื้อ

เครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook บางเครื่องต้องเข้าไป set ใน properties ของหน้าจอก่อน ซึ่งสามารถทำได้ดังขึ้นตอนต่อไปนี้ 1. คลิ๊กปุ่มขวาของเมาส์บน wallpaper 2. จะปรากฏเมนูขึ้นมาให้เลือก properties 3. จะปรากฏเมนูอีกอันขึ้นมาแทนให้เลือก setting 4. เลือก Advance 5. เลือก Monitor 6. เลือก ระหว่าง LCD. ของคอมพิวเตอร์ Notebook หรือ Monitor หรือ เลือกให้ออกทั้งสองอย่างพร้อมกัน ถ้าเลือก Monitor ภาพก็จะแสดงออกทางโปรเจคเตอร์ ( ขั้นตอนนี้อาจไม่เหมือนกันแล้วแต่ driver ของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ Notebook บางเครื่องก็อาจจะเลือกให้แสดงพร้อมกันไม่ได้ )

นอกจากนี้บางครั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ก็อาจตั้งความถี่ในการ refresh rate ไม่ถูกต้องทำให้ภาพที่ฉายออกทางโปรเจคเตอร์สั่น หรือภาพอาจไม่อยู่ในตำแหน่ง หรือภาพอาจจะขาดหายได้ โดยเฉพาะโปรเจคเตอร์รุ่นเก่าๆที่ยังไม่ได้แก้ปัญหานี้ ก็ควรจะตั้ง refresh rate ของคอมพิวเตอร์ให้ถูกต้องด้วย

ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook ของคุณไม่สามรถแสดงภาพออกพร้อมๆ กัน ทั้งมอนิเตอร์ของคอมพิวเตอร์และโปรเจคเตอร์แล้วละก็ อาจพอมีทางแก้โดยใช้เครื่องกระจายสัญญาณ VGA ชนิดเข้า 1 ออก 2 โดยต่อเครื่องกระจายสัญญาณเข้ากับคอมพิวเตอร์ Notebook และต่อโปรเจคเตอร์เข้ากับเครื่องกระจายสัญญาณ จากนั้นให้หาจอมอนิเตอร์มาต่อเข้ากับเครื่องกระจายสัญญาณ เท่านี้ก็สามารถดูภาพจากหน้าจอมอนิเตอร์ไปพร้อมๆ กับโปรเจคเตอร์ได้แล้วครับ

การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook กับ Projector
หวังว่าบทความนี้คงช่วยคุณในการใช้คอมพิวเตอร์ Notebook และโปรเจคเตอร์ของคุณได้ดีขึ้นครับ
ทิปจาก www.projector.co.th

วิธีดูแลคุมเข้มโน๊ตบุ้กตัวโปรดของคุณ

วิธีดูแลคุมเข้มโน๊ตบุ้กตัวโปรดของคุณ
ขออนุญาตแนะนำหลักการง่ายๆในการเลือกซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ เพื่อการใช้งานเต็มประสิทธิภาพอย่างคุ้มค่า

ดูแลเรื่องความร้อนบนโน๊ตบุ้ก
ความร้อนเป็นศัตรูตัวฉกาจ ที่ทำให้โน้ตบุ๊กหลายเครื่องเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ทั้งเครื่องรีสตาร์ทใหม่ เครื่องแฮงค์ หรือถึงกับเปิดไม่ขึ้นก็มี ซึ่งอุปกรณ์ที่มีผลเรื่องความร้อนมากที่สุด คือ ซีพียูกับเมนบอร์ดนั่นเอง ในที่นี้ขอแนะนำพฤติกรรมการใช้งานโน้ตบุ๊ก เพื่อช่วยลดปัญหาเรื่องความร้อน ดังนี้ครับ
- คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้งานโน้ตบุ๊กแบบต่อเนื่อง หรือเปิดเครื่องทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ โดยไม่ได้ใช้งานใดๆ เพราะโน้ตบุ๊กไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้งานหนักอย่างเครื่องเดสก์ท็อป หรือมีการใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงอย่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์
- ไม่ควรใช้หรือเก็บโน้ตบุ๊กในสถานที่ที่มีอากาศร้อน อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เพราะ จะทำให้เครื่องร้อนกว่าอุณหภูมิที่กำหนด- การใช้งานบนฟูก หรือบนเตียงก็จะทำให้ความร้อนสะสมในเครื่องมากจนเกินไป และอาจจะไหม้ได้
- ไม่ควรใช้หรือเก็บโน้ตบุ๊กในสถานที่ที่อับชื้น เพราะความชื้นจะทำให้อุปกรณ์ภายใน เสียหาย

ดูแลฮาร์ดดิสก์ : ให้เก็บข้อมูลเราไปอีกนานฮาร์ดดิสก์
เป็นอุปกรณ์สำคัญลำดับต้นๆ ของเครื่องโน้ตบุ๊ก เพราะเกี่ยวข้องกับข้อมูลต่างๆ ที่เราเก็บอยู่ทั้งหมดโดยตรง การดูแลรักษาและป้องกันปัญหาที่อาจขึ้นกับ ตัวโน้ตบุ๊กจึงเป็นเรื่องที่เราควรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
- ปิดเครื่องโน๊ตบุ้กอย่างถูกวิธี จากคำสั่ง Shut Down ใน Windows ไม่ปิดผ่านทางปุ่ม Power หรือถอดปลั๊กไฟออกทันที (ในขณะที่ไม่มีแบตสำรอง)
- ใช้เครื่องมือ Check Disk ตรวจสอบความผิดพลาดบนฮาร์ดดิสก์ รวมทั้งหาจุด Bad Sector ที่อาจเกิดขึ้นบนฮาร์ดดิสก์ ประมาณเดือนละครั้ง
- ในการเคลื่อนย้ายระหว่างการเดินทาง ควรนำโน้ตบุ๊กเก็บในกระเป๋ากันกระแทก และทางที่ดีกระเป๋าควรจะกันน้ำได้ด้วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตัวฮาร์ดดิสก์ภายในเครื่องได้

ดูแลจอภาพโน๊ตบุ้ก
จอภาพเป็นส่วนแสดงผล ที่ผู้ใช้ต้องติดต่อและทำงานด้วยโดยตรง การที่จอภาพใช้งานไม่ได้ หรือเสียขึ้นมา ก็เป็นการปิดเส้นทางการใช้งานโน้ตบุ๊กนั่นเอง ในที่นี้ขอแนะนำการดูแล และการใช้งานจอภาพที่ถูกต้องในเบื้องต้น ดังนี้
- ไม่ควรใช้นิ้วหรือมือไปจับ หรือสัมผัสที่จอภาพ LCD โดยตรง ซึ่งหากบริเวณนั้นได้รับการกระทบกระเทือน หรือถูกจับบ่อยครั้ง จะทำให้เซลล์จอภาพบางจุดเสียหาย กลายเป็นจุดดำได้
- ไม่ควรนำโน้ตบุ๊กไปใช้กลางแดดจัด หรือวางในตำแหน่งที่แดดส่องจัด เพราะจะทำให้จอภาพเสื่อมเร็ว- หมั่นทำความสะอาดจอภาพ LCD สม่ำเสมอ และควรทำทันทีที่เกิดรอยสกปรก เพื่อป้องกันคราบติดแน่นซึ่งจะทำความสะอาดยาก และหากถูกไปนานๆ อาจจะทำให้สารเคลือบจอภาพ LCD ที่เคลือบมาจากโรงงานหลุดได้

ดูแลระบบจัดการพลังงานสำหรับแบตเตอรี่
ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการจ่ายพลังงานให้กับเครื่องโน้ตบุ๊ก ในที่นี้ขอสรุปการดูแล และใช้งานแบตเตอรี่อย่างถูกต้อง ดังนี้
- ควรชาร์จแบตเตอรี่ครั้งแรกตามระยะเวลาที่คู่มือกำหนด เพื่อกระตุ้นเซลล์ในแบตเตอรี่ให้ตื่นตัวเต็มที่ทั้งหมด แล้วจะได้ใช้งานแบตเตอรี่ก้อนนั้นได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุดจริงๆ
- ในการใช้แบตเตอรี่แต่ละครั้ง ควรใช้ให้หมดก่อน แล้วจึงนำไปชาร์จใหม่ (โดยดูจากไอคอน Battery ที่อยู่บนทาสบาร์ของ Windows) ถ้าใช้แบตเตอรี่ไม่หมดแล้วนำไปชาร์จใหม่หลายๆ ครั้ง อาจส่งผลทำให้ไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด
- ควรปรับ Calibrate Battery ทุกครั้งที่ใช้ครั้งแรก เพื่อเครื่องและซอฟท์แวร์ของระบบจัดการพลังงาน (Power Management) จะทำการปรับสัดส่วนของค่าที่แสดงผลออกมาให้ผู้ใช้ทราบ ตรงกับสัดส่วนของพลังงานในแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่จริง

วิธีดูแลคุมเข้มโน๊ตบุ้กตัวโปรดของคุณ
ทิปจาก successmedia.com

Notebook วิธีเลือกซื้ออย่างไรให้ถูกใจและคุ้มค่า

Notebook วิธีเลือกซื้ออย่างไรให้ถูกใจและคุ้มค่า
เราคงไม่สามารถระบุได้ว่าคุณจะต้องซื้อเครื่องรุ่นนี้ ยี่ห้อนั้น ในราคาเท่านั้นเท่านี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิตใจและความต้องการ รวมทั้งความชื่นชอบของแต่ละบุคคล เพราะในความเป็นจริงแล้วคุณเองต่างหากที่จะต้องเป็นผู้ที่ตัดสินใจในการเลือกซื้อ

ข้อมูลต่างๆ ที่จะนำเสนอนี้ ถือว่าเป็นประเด็นที่สำคัญที่ไม่ควรจะมองข้ามในการเลือกซื้อโน้ตบุ๊ก เราอยากที่จะให้คุณ ได้คิดอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อโน้ตบุ๊กสักเครื่อง เพราะสามารถจะอัปเกรดได้แค่การเพิ่มแรม เพิ่มความจุฮาร์ดดิสก์ เปลี่ยนซีดีรอม แต่ไม่สามารถเปลี่ยนซีพียู หรือองค์ประกอบอื่นๆ ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นเครื่องที่ได้ถูกออกแบบมา ให้สามารถที่จะเปลี่ยนซีพียูได้ แต่อาจจะต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย

1. ความเร็วในการทำงาน ควรใช้ซีพียูจากอินเทล เช่น Core 2 DUO ซึ่งประสิทธิภาพสามารถที่จะทำงานได้เท่ากับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ และระดับความเร็วของซีพียูก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดราคาของโน้ตบุ๊ก ถ้ามีทุนทรัพย์ที่เพียงพอก็น่าจะใช้ที่ความเร็วที่ 2GHz ขึ้นไป แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรจะต่ำกว่า 1.6GHz

2. หน่วยความจำ
โน้ตบุ๊กในยุคปัจจุบันได้ถูกพัฒนาขีดความสามารถให้อัปเกรดได้พอสมควร แต่ต้องดูก่อนว่าโน้ตบุ๊กรุ่นนั้นๆ มีจำนวนช่องสำหรับเสียบหน่วยความจำกี่ช่อง และแต่ละช่องสามารถรองรับขนาดของหน่วยความจำได้มากที่สุดเท่าไร ซึ่งโน้ตบุ๊กควรมีหน่วยความจำอย่างน้อย 512MB เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการใช้งาน

3. จอภาพ
ในการเลือกนั้น คุณควรจะมองหาโน้ตบุ๊กที่มีจอภาพเป็นแบบ Active Matrix Display ทำให้ได้ภาพที่คมชัดและสว่างกว่า คุณไม่ควรที่จะจับหน้าจอภาพ ถ้าต้องการที่จะทำความสะอาดก็เพียงเช็ดเบาๆ ด้วยผ้าที่สะอาดและนุ่ม และไม่ควรใช้ของเหลวใดๆ เช็ดเลย ถ้าจะให้เลือกขนาดของจอภาพก็น่าจะดูที่ระดับขนาด 14 นิ้ว เพราะจะให้ความสบายกว่าจอขนาดเล็ก แต่ถ้าต้องการความยิ่งใหญ่ก็ต้อง 17 นิ้ว ซึ่งคุณก็จะต้องจ่ายแพงกว่าตามไปด้วย

4. อุปกรณ์สื่อสารข้อมูล
ควรมีอุปกรณ์ในการสื่อสารข้อมูลได้แก่ Modem หรือ LAN หรือ Wireless LAN ติดตั้งมาให้ด้วย

5. ระบบเสียง
ระบบเสียง Sound Build in ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้สามารถดูหนังฟังเพลงได้ แต่ระบบเสียงจากลำโพงโน้ตบุ๊กที่ทำออกมาไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทางที่ดีที่สุดคือ คุณจะต้องหาโน้ตบุ๊กที่มีลำโพงอยู่ในตำแหน่งที่ไม่โดนมือของคุณบังไว้ เช่นด้านข้างจองจอภาพจะส่งเสียงสู่ผู้ใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งคุณควรจะทอลองใช้งานก่อนที่จะซื้อ

6. คีย์บอร์ด
ควรเลือกโน้ตบุ๊กที่มีคีย์บอร์ดคล้ายกับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ปุ่มที่ใช้งานบ่อยๆ อย่าง Insert Delete Home ควรจะอยู่ในตำแหน่งที่ด้านขวา ก่อนซื้อคุณก็ลองวางมือแล้วพิมพ์ข้อความต่างๆ ดูว่าใช้งานได้คล่องถนัดมือหรือไม่

7. อุปกรณ์ชี้ตำแหน่ง
สำหรับโน้ตบุ๊ก อุปกรณ์ชี้ตำแหน่งมันก็คือส่วนที่จะทำหน้าที่แทนเมาส์นั่นเอง แบบแรกก็จะเป็นเหมือน “แทร็กบอล” โดยจะมีลูกกลิ้งโผล่ขึ้นมาตรงกลางที่วางมือ เพื่อให้คุณได้ใช้นิ้วหัวแม่มือกลิ้งไปกลิ้งมา เพื่อทำการควบคุมตำแหน่งของเคอร์เซอร์
แบบที่สองก็จะเป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ “ทัชเพด” ส่วนมากจะถูกวางในตำแหน่งตรงกลางเยื่องไปทางซ้ายของด้านล่างของคีย์บอร์ด ซึ่งจะเป็นแผ่นเรียบๆ ที่ให้เราใช้นิ้วมือลากไปลากมาบนแผ่นทัชเพด ซึ่งก็สามารถที่จะควบคุมตำแหน่งของเคอร์เซอร์ได้
แบบที่ไม่ได้เห็นกันมากคือ "พอยน์เตอร์สติ๊ก" มันจะมีลักษณะเป็นแท่งเล็กๆ ตรงกลางคีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊ก วิธีการใช้งานก็คือใช้นิ้วดันมันไปในทิศทางต่างๆ ที่ต้องการ
ถ้าให้สะดวกมากที่สุดควรเลือกใช้เมาส์เสียบเข้ากับพอร์ต USB ของโน้ตบุ๊ก

8. อายุการใช้งานของแบตเตอรี่
ควรตรวจสอบ Power Supply หรือทรัพยากรพลังงานของคุณอยู่เป็นประจำ ซึ่งสามารถทำได้โดยดูไอคอนแสดงแบตเตอรี่ที่อยู่แถวทาส์กบาร์ของวินโดวส์ เพราะโน้ตบุ๊กบางรุ่นไม่มีเสียงเตือนเมื่อแบตเตอรี่กำลังจะหมด มันจะดับไปเฉยๆ ส่วนใหญ่ Notebook เกือบทุกรุ่นจะใช้แบตเตอรี่ในกลุ่มของ Lithium-ion ซึ่งจะสามารถชาร์ตใช้งานกันได้ต่อเนื่องเลยทันที ไม่ต้องรอให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงแต่อย่างใด

9. พอร์ตแบบ USB
โน้ตบุ๊กควรมีพอร์ตแบบ USB อย่างน้อย 2 พอร์ตขึ้นไป เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน

10. บริการหลังการขาย
สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงและขาดไม่ได้คือ "การรับประกัน" การรับประกันที่ดีคือ การรับประกันชิ้นส่วนและบริการสามปี รวมทั้งบริการแนะนำทางโทรศัพท์ และบริการการซ่อมเครื่องที่มีศูนย์บริการอยู่ตามจังหวัดต่างๆ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย ถ้าที่ใดมีเครื่องสำรองให้ใช้ในระหว่างซ่อมก็จะดี อยากจะให้ศึกษาดูเงื่อนไขในการรับประกัน เพราะสมัยนี้บริการหลังการขายเข้ามามีบทบาท ในการเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าด้วย มีวิธีการถนอมแบตเตอรี่

Notebook มาฝากดังนี้
1. พยายามลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่เกินกำลัง เช่น เมื่อไม่ได้ใช้งาน wireless lan, bluetooth ก็ควรปิด ไม่ควรเปิดไว้ เพราะว่าระบบเหล่านี้จะทำงานกินไฟไปเรื่อยๆ โดยไม่จำเป็น
2. ไม่ควรเสียบไฟบ้านเพื่อชาร์ตแบตเตอรี่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้เกิดความร้อน และทำให้ battery เสื่อม
3. ควรเคลียร์ Battery ทุกๆ สามสิบครั้งของการชาร์ต โดยทุกครั้งการชาร์ตไปแล้วประมาณ 30 ครั้ง ควรจะเปิดเครื่องใช้งานจนแบตหมดจริงๆ แล้วชาร์ตให้เต็มซักครั้ง
4. อย่าเก็บแบตเตอรี่ไว้ในที่ร้อน หรือทิ้งไว้ในรถยนต์ จะทำให้ battery ร้อน และเสื่อมสภาพเร็วกว่าปก 5. อย่าเก็บแบตเตอรี่ไว้รวมกับสื่อนำไฟฟ้าอื่นๆ เช่น มีเศษเหรียญไปโดนบริเวณขั้วแบตเตอรี่ทั้งสองขั้ว เป็นต้น
6. เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ควรให้ทางศูนย์บริการเปลี่ยนให้ หรือซื้อจากศูนย์ฯ โดยตรง
7. อย่าลืมติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีจากเว็บไซต์ต่างๆ เช่น ล่าสุดมีข่าวแบตเตอรี่โน้ตบุ๊คระเบิด ซึ่งทางบริษัทผู้ผลิตก็ได้ทำการแจ้งข่าวสารผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของผู้ผลิตเอง เรียก Battery รุ่นที่มีปัญหากลับคืน เพื่อเปลี่ยนรุ่นใหม่ให้ เป็นต้น

Notebook วิธีเลือกซื้ออย่างไรให้ถูกใจและคุ้มค่า
thank from:www.thaiblogonline.com/ittips.blog?PostID=6649

เปรียบเทียบ MacBook และ PC Notebook

เปรียบเทียบ MacBook และ PC Notebook
คำถามโลกแตกคำถามนึง ที่ผมมักจะต้องเจออยู่เป็นระยะ แล้วก็ลำบากใจอยู่เสมอ หากผู้ยิงคำถามต้องการคำตอบแบบฟันธง

ที่ว่าลำบากใจก็เพราะว่าโดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่าคอมพิวเตอร์ก็คือเครื่องมืออย่างหนึ่ง ที่เราจะนำมาใช้ทำงาน ซึ่งงานที่ว่านั้นก็มีปัจจัยที่แตกต่างหลากหลายกันไป ตามแต่การนำไปใช้งานของแต่ละคน มันไม่ใช่กีฬายกน้ำหนักนะครับ ที่จะได้เรียกมายกกันทีละคน ใครยกผ่านกรรมการกดเขียว ใครยกไม่ผ่าน แขนไม่นิ่ง กรรมการกดแดง แล้วใครหมดแรงให้ตะโกนสู้โว้ย เรียกพลัง มันไม่ใช่แบบนั้นสิครับ จึงเป็นเรื่องหนักใจเวลาที่ต้องมีอันต้องนึกถึงประเด็นนี้

อย่างไรก็ตามด้วยความที่ถูกวางไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจ สำหรับผู้สนใจจะใช้ Mac ประจำออฟฟิช คำถามดังกล่าวก็จะวนเวียนมาหาผมอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพี่ๆน้องๆ ที่กำลังจะตัดสินใจซื้อ Laptop ไว้ใช้งานกันซักเครื่อง และจะถี่มากเลยเวลามีงานมหกรรมแสดงสินค้าคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย

ความแตกต่างเบื้องต้นอันแรกที่เราสัมผัสได้ก่อนสิ่งอื่นใดเลยก็คือ “ราคา” หลายคน ณ ปัจจุบันที่นั่งพิมพ์เรื่องนี้อยู่ MacBook 13 นิ้วรุ่นถูกสุดอยู่ที่ราคา 35,900 ในสังคมคอมพิวเตอร์ที่เราได้รับการปลูกฝังการเปรียบเทียบคอมพิวเตอร์ ด้วยการนำเอา Spec มาเทียบ Spec กันดุ้นๆ ไม่แปลกอะไรที่ MacBook จะถูกมองว่าราคาแพง ทั้งนี้ทั้งนั้นนั่นคือรุ่นที่ถูกที่สุด แต่หากมองที่รุ่นที่ทำตลาดราคาสูงขึ้นมาอีกสักหน่อย ผมกลับพบว่า MacBook ไม่ได้แพงกว่ารุ่นอื่นเท่าไรนัก ในทางกลับกันกลับมีราคาและ Spec ที่ดีกว่าบางยี่ห้อเสียอีก (ข้อมูลจากการเปรียบเทียบ Laptop ราคา 59,900 - 60,000 บาท จากฐานข้อมูลของ Notebookspec) พิมพ์อย่างนี้ไม่ใช่ว่า MacBook Spec ด้อยกว่ารุ่นอื่นยี่ห้ออื่นอะไรนักหนานะครับ Spec ในระดับดีเลยละ จะแตกต่างกันอยู่บ้างก็เรื่องของราคาหากเทียบกับบาง Brand แล้วราคาก็ทำให้เกิดความลังเลได้ แต่อย่างไรก็ดีในประเด็นอื่นๆ ถ้าพิจารณากันดีๆ มีหลายส่วนที่ MacBook ดีกว่ามาก เพียงแต่ถ้ายังใช้มุมมองเดิมๆ ในการพิจารณาความคุ้มค่า ก็อาจจะทำให้เรามองข้ามอะไรเหล่านั้นไปอย่างน่าเสียดาย ครั้งนี้ก็อยากเสริมให้มองถึงในจุดอื่นๆดังกล่าวเหล่านั้นกันครับ

มีแต่คู่แข่งรอบทิศทาง
ไม่รู้ใครเคยเจอเหมือนผมรึเปล่า แต่บ่อยครั้งอยู่เหมือนกันที่เวลามีการเปรียบเทียบระหว่าง MacBook กับ PC Notebook มันจะมีเรื่องชวนขำอยู่อย่างนึง คือน้องที่ออฟฟิชผมซึ่งแกเป็นเซียน PC Notebook มักจะยกเครื่องรุ่นนั้น ยี่ห้อนี้มาเทียบกับ MacBook ในมุมนึง แล้วพอพูดถึงอีกมุมนึงก็จะยกอีกรุ่นอีกยี่ห้อนึงมาเปรียบ คุยกันไปคุยกันมาจนจบ ก็ตีขลุมว่า MacBook ด้อยกว่าในทุกๆด้าน แต่พอถามย้อนกลับไปว่าแล้วที่ยกมาหลายๆด้านนี่ ตกลงจะเอารุ่นไหน ยี่ห้อไหนเป็นตัวหลัก พอพูดถึงประเด็น Graphic Accelerator ก็ยกเอายี่ห้อนี้มาเทียบ แล้วพอเราพูดถึงประเด็นเรื่องหน้าตาผลิตภัณฑ์ ก็ไปยกอีกยี่ห้อมาเทียบ พอยกเรื่องความแข็งแรงทนทาน ก็ไปเอาอีกยี่ห้อมาเทียบ กลายเป็นว่า MacBook รุ่นเดียว ต้องกรำศึกทุกทิศรอบด้านกับ Notebook ในฝันที่รวมเอาข้อดีของทุกยี่ห้อมาเปรียบเทียบกันเลยทีเดียว ก็ขำๆ ดีครับเรื่องทำนองนี้เจอบ่อย

อันที่จริงผมเองไม่ค่อยชอบจะเปรียบเทียบ พวก Spec คอมพิวเตอร์ทำนองนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเปรียบเทียบดังกล่าวนะครับ สมัยเรียนอยู่ ยุคที่ยังไปเดินห้างไอทีชื่อดัง แล้วเลือกส่วนประกอบนั้น ส่วนประกอบนี้มาประกอบ PC เอง ก็มีมุมมองทำนองนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ผ่านไปหลายปี ประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์มาหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ทำให้ต้องนำเอาปัจจัยอื่นๆ มาพิจารณาเพิ่มเติมด้วย มีหลายอย่างที่เราไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ ด้วย Spec ต่อ Spec เพียงลำพัง โดยเฉพาะเรื่อง Product Design อันนี้เป็นประเด็นหนึ่งที่ผมว่าเซียนคอมพิวเตอร์บ้านเราหลายท่าน มักจะมองข้ามกันไป อาจจะเป็นเพราะว่าส่วนใหญ่ผู้ที่สนใจทางด้านคอมพิวเตอร์ ก็จะสนใจทางด้านเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์เป็นหลัก มีความรู้เพียงด้านนี้เป็นหลัก ขาดความเข้าใจ และมุมมองในแง่ของการออกแบบผลิตภัณฑ์ จึงเกิดเป็นมุมมองตื้นๆ ที่มองกันเพียงแค่ว่า MacBook รวมไปถึงสินค้าอื่นๆ ของ Apple มีแค่ความสวยงาม เพียงอย่างเดียว

ไม่ใช่แค่ Design
มีหลายคนที่มอง MacBook (แน่นอนรวมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่นของ Apple ด้วย) ว่ามีดีที่สวยอย่างเดียว ความสวยดังกล่าวแลกมาด้วยราคาที่สูง มองด้วยทัศนคติเหมือนว่าเป็นสินค้าแฟชั่น ซึ่งก็ปฎิเสธไม่ได้เลยครับว่าเรื่อง Design นั้นโดยมาตรฐานมุมมองของคนโดยทั่วๆแทบจะทั้งหมด ต่างก็ยอมรับกันเป็นเสียงเดียวว่ามันสวยจริงๆ แต่ที่มาพร้อมกับความสวยต่างๆ กลับแฝงไปด้วยความหมายอย่างที่มีหลายคนไม่เข้าใจ อย่างเช่นการปรับมาใช้ขอบสีดำในเครื่อง Mac รุ่นใหม่ๆ ก็ช่วยทำให้ความรู้สึกว่าพื้นที่ในการใช้งานเพิ่มมากขึ้น หรือแม้แต่การออกแบบที่ทำให้ไม่มีขอบรอยต่อระหว่างพื้นที่แสดงผล กับขอบรอบข้าง ก็ช่วยลดความรู้สึกรบกวนสายตาขณะใช้งานได้อีกด้วย ในขณะที่การพยายามนำเทคโนโลยีการผลิตโครงภายนอกของเครื่อง แบบใหม่ที่เรียกว่า Unibody ไม่เพียงแต่ทำให้ตัวเครื่องสวยงาม และดูดีมากเท่านั้น แต่ยังทำให้ได้มาซึ่งความแข็งแรงอย่างมากเพิ่มมาอีกด้วย

แม้แต่การเปิดปิดฝาที่มีการออกแบบมาให้ไม่มีการใช้งานสลัก แต่เป็นการใช้แม่เหล็กเป็นตัวดูด ทำให้การปิดเปิดฝาเครื่องทำได้สะดวกรวดเร็ว และไม่มีปัญหาเรื่องการติดขัดของกลไกการล็อคในระยะยาวหรืออย่างแป้นพิมพ์ที่ถูกออกแบบมาให้บางและเบา ในขณะเดียวกันก็มีการนำเอา ตัวตรวจจับแสงมาใช้เพื่อทำให้แป้นพิมพ์เรืองแสงขึ้นมาอัตโนมัติ เวลาที่เราไปใช้งานในที่มืด ทำให้เราสามารถมองเห็นแป้นพิมพ์ได้ง่ายขึ้น หรือแม้แต่เรื่องตำแหน่งการถ่วงน้ำหนักในตัวเครื่อง ถ้าใครเคยใช้จะรู้สึกเลยว่า มันมีความมั่นคงในการวางใช้งานในลักษณะต่างๆได้ดีมาก ไม่เบาจนทำให้เครื่องลอยขึ้นเรื่อยๆให้รู้สึกรำคาญ จุดที่น้ำหนักถ่วงลงจะมีความสมดุลย์เหมาะกับการใช้งานจริงๆ

Adapter สำหรับเสียบชาร์จไฟของ MacBook เป็นอีกเรื่องนึงที่ได้รับคำชื่นชมจากหลายๆคน กันมานาน ตัวสายชาร์จมีหัวต่อที่เรียกว่า MagSafe ที่สามารถหลุดออกจากตัวเครื่องได้ทันที หากเราเผลอไปโดน ไปเหยียบ ไปดึง ตรงตัวสายไฟเข้า ทำให้ตัวเครื่องไม่หล่นโครมตามลงมาด้วย เรื่องนี้ใครไม่เจอเข้ากับตัวไม่รู้หรอกครับ คำว่าน้ำตาตกเป็นยังไง เสียบๆชาร์จอยู่ อยู่ดีๆพวกเดินมาจากไหนไม่รู้ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ชนสายเรา ลำพังสายไม่เท่าไหร่ แต่มันลากเอาเครื่อง Notebook เราหล่นพื้นด้วยนี่สิครับ ต่อให้ยังใช้งานอยู่ สภาพไม่บุบสลายอะไรมาก แต่ใครจะไปรู้ว่าข้างในมันเกิดอะไรขึ้นแล้วบ้าง แก้วที่มันร้าวซักวันก็คงจะแตก ยังไงอย่างงั้น หัวต่อ MagSafe ขึ้นชื่อมากในการป้องการเหตุร้ายทำนองนี้ ผมเองเคยเจอมากับตัวแล้วอย่างน้อยสามครั้ง ยอมรับเลยว่าในส่วนนี้เขาออกแบบมาได้ดีจริงๆ

หรืออย่าง Track pad ของ MacBook ก็แตกต่างกับ Track pad ของ Notebook ยี่ห้ออื่นๆ มีการออกแบบให้ไม่มีปุ่ม เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งาน ทำให้การเคลื่อนนิ้วไปมาสำหรับทำงานทำได้สะดวกขึ้น แล้วออกแบบให้ทั้งแป้นสามารถกดเพื่อใช้งานสำหรับการคลิกได้ด้วย เท่านั้นไม่พอ หลายคนอาจจะเคยเจอกับความเชื่อเก่าๆที่ว่าเม้าส์ Mac มีปุ่มเดียว นั่นเก่าไปแล้วครับ หลายปีมาแล้วที่เม้าส์ของ Mac มีปุ่มสารพัดปุ่มให้กด สำหรับ Track pad ใหม่นี้แม้จะไม่มีหน้าตาของปุ่มให้เห็น แต่สามารถกำหนดใช้งานได้ทั้งคลิกซ้ายและคลิกขวาได้ ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าในแต่ละส่วนรายละเอียดนั้นผ่านกระบวนการคิดและออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหา ที่มักจะพบในการอยู่บ่อยๆ อย่างประณีตลงรายละเอียด

น่าเสียดาย ที่ทัศนคติการมองคุณค่าอะไรสักอย่างของหลายคนในบ้านเรา มองกันแค่ผิวเผินอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงคุณค่าของการออกแบบผลิตภัณฑ์ในแง่อื่นๆ เห็นว่ามันเรียบสวย ก็คิดว่ามีดีแค่นั้น พาลคิดไปอีกว่าคนที่ใช้ MacBook มองแค่ภายนอก ผมกลับคิดว่าคนที่เลือกใช้ MacBook หลายๆคน ที่เข้าใจถึงรายละเอียดในจุดต่างๆ เหล่านั้นเสียอีก เป็นคนละเอียดและให้น้ำหนักในการตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์มากไปกว่ามองแต่ตัวเลข Spec เพียงอย่างเดียว

คุณภาพที่ต่างกัน
ไม่เพียงแต่เรื่อง การออกแบบข้างต้น ในเรื่องของคุณภาพของลงรายละเอียดแล้วก็มีหลายอย่างที่แตกต่างกัน อย่างเช่นเรื่องของการแสดงผล หน้าจอขนาด 13.3” เหมือนกันแต่ว่า MacBook ใช้เทคโนโลยี back-lit ซึ่งทำให้มีความสว่างในการแสดงผลดีขึ้นสว่างพร้อมทำงานทันทีที่เริ่มใช้งาน ไม่ต้องมีระยะเวลาการวอร์มอัพ ในขณะเดียวกันก็ใช้พื้นที่น้อยว่าหลอดแบบอื่น ขณะเดียวกันความโดดเด่นในเรื่องของการแสดงสีที่คมชัด ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่หลายคนให้การยอมรับกันมาโดยตลอด

ส่วน Trackpad ไม่เพียงการออกแบบจะทำให้ได้พื้นที่การใช้งานมากขึ้นดังที่กล่าวถึงไปแล้วข้างต้น แต่ยังมีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆอย่าง Multi-touch มาให้ใช้งานได้ด้วย ณ ปัจจุบันมีการใช้งานได้ในบางส่วนของระบบ เฉพาะในส่วนที่ Apple พัฒนาเท่านั้น เช่น Safari หรือ iPhoto แต่ในอนาคตเชื่อได้ว่าแทบจะทุกโปรแกรมใน Mac OS X จะมีการนำเอา Multi-touch เข้ามาใช้งานเพิ่มเติม

ระบบที่เข้ากันได้อีกสิ่งนึงที่ไม่ควรมองข้าม แต่ก็มักจะถูกมองไม่เห็นโดยเฉพาะจากผู้ใช้ PC ก็คือตัวระบบปฎิบัติการ Mac OS X ด้วยความที่ทั้งตัวระบบเอง ไดร์ฟเวอร์ของอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงฮาร์ดแวร์ของ Apple ออกแบบ และพัฒนาขึ้นโดย Apple เองทำให้สามารถควบคุมการทำงานในส่วนต่างๆ ในปลีกย่อยได้ดีกว่าระบบปฎิบัติการที่ออกแบบมาให้รองรับกับฮาร์ดแวร์สารพันมาตรฐานอย่าง Windows

การ์ดแสดงผลกราฟฟิก ในเครื่องถูกนำมาใช้อำนวยประโยชน์ ในการใช้งานทั่วๆไป อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ผู้ใช้แทบไม่รู้สึกเลยว่า ณ ตอนนั้นเองเขาใช้การทำงานจากการ์ดแสดงผลกราฟฟิกในเครื่องแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่มี Spec แรงๆมาไว้สำหรับเล่นเกมส์เท่านั้น แต่ยังถูกนำไปใช้งานในการใช้งานระบบโดยทั่วๆไปอีกด้วย จะเห็นได้ว่า Mac OS X เป็นระบบปฎิบัติการที่มีการใช้ Effect ต่างๆ ในหลายๆจุด โดยที่ไม่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ามันแปลกแยก ไม่ใช่เพียงการมีฟีเจอร์ต่างๆไว้โชว์เพื่อนเวลามาดูเครื่องเราเท่านั้น แต่นำมาประยุกต์ในการใช้งานจริงๆได้เป็นอย่างลงตัวพอดี ไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไป

ก่อนจากความตั้งใจของเรื่องที่พิมพ์ในวันนี้ อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นนะครับ ไม่ได้ต้องการฟันธงว่าอันไหนดีกว่ากันระหว่าง PC Notebook ทั่วๆไปกับ MacBook เพราะเชื่อว่าหลายคนคงมีปัจจัยที่แตกต่างกันในการพิจารณาว่าอะไรดี อะไรเหมาะกับตนเอง อย่างไรก็ตามผมก็มีความต้องการอยากจะชี้ให้หลายๆท่าน มองเห็นในมุมอื่นที่มันนอกเหนือจากการนำเอา Spec มาเปิดเทียบกัน เหมือนอย่างที่เคยเป็นๆกันมาหลายปีดีดัก มันอาจจะเป็นการเปรียบเทียบที่เห็นอะไรได้ง่ายที่สุด แต่ผมว่ามันเป็นการเปรียบเทียบที่แคบและตื้นไปอยู่สักหน่อย

อย่าลืมนะครับว่าการใช้งานจริงๆ ที่เราต้องอยู่กับมันนานๆ ใช้มันนานๆ ไม่ใช่แค่ว่ามาเทียบ CPU , RAM , การ์ดจอ แล้วจบ สิ่งเหล่านั้นวันที่เราซื้ออาจจะแรง แต่ในไม่ช้าเชื่อได้เลยว่าเพียงแค่สัก 6-9 เดือนจะมีอะไรที่มันแรงกว่าออกมาอีก ประสิทธิภาพของการใช้งาน ไม่เพียงแต่จะพิจารณากันจากตัวเลขความถี่สัญญาณนาฬิกาที่ Hardware แต่ละส่วนใช้เท่านั้น ควรพิจารณาถึงการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ต่อการทำงานจากส่วนของ OS และ Application ด้วย ในส่วนของ OS และ Application ต่างๆนั้นในครั้งต่อๆไป คงได้มีการนำมากล่าวถึงรายละเอียดในโอกาสหน้า

นอกจากนั้นข้อแตกต่างในเรื่องขององค์ประกอบอื่นๆ ที่ทางผู้สร้างเขาตั้งใจออกแบบมาเพื่อประโยชน์ในการใช้งาน ในชีวิตการทำงาน หรือชีวิตประจำวัน เอาเข้าจริงๆหลายๆอย่าง มีคุณค่าที่เกิดประโยชน์กับการใช้งาน Laptop ของเราจริงๆ มากไปกว่า Spec CPU หรือรุ่นการ์ดจออีกนะครับ น่าเสียดายที่หลายคนมองไม่เห็นในสิ่งนี้ ตัวผมเองนั้นจะว่าบ้ายี่ห้อก็ไม่เชิงนะครับ ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้บ้ายี่ห้อเพียงอย่างเดียวแน่ๆ ถ้ายี่ห้อนั้นๆ ไม่ดีจริง ก็ไม่เห็นว่าน่าจะมีเหตุอะไรต้องไป crazy อะไรกับมันมาก แต่อะไรที่ของเขาดีจริงๆ ในแต่ละส่วนที่เป็นรายละเอียด ผมให้มูลค่าประกอบในการตัดสินใจอยู่เสมอๆ

แต่ก่อนเคยเจอบ่อยครับ สมัยเรียนเคยสงสัยว่าเขาซื้อกันทำไมพวกของแพงๆ ตอนเริ่มเล่นเวทใหม่ๆ เจอถุงมือยกน้ำหนักยี่ห้อนึงราคา 1,200 บาท ก็สงสัยว่าทำไมแพงจังที่ขายตามไฮเปอร์มาร์ท ไม่กี่ร้อยก็เยอะแยะ มันต่างกันยังไง จนกระทั่งซื้อมาใช้ดูนั่นแหละครับ ถึงได้รู้เลยว่ามันแตกต่างกันจริงๆ ที่ขายกันทั่วๆไปนั่นไม่มีการเซฟข้อมือเลย เทียบกันไม่ได้เลยกับ 1,200 บาท แถมยังทนทานกว่ากันอีกเยอะ ใช้งานได้ระยะยาวกว่า ผมใช้ถุงมือคู่ละ 1,200 ประมาณปีละคู่ จากที่เคยใช้คู่ละ 300 ปี แต่พักเดียวก็เปื่อยและขาดในที่สุด ตอนนั้นจำได้ว่าใช้ปีละสัก 3 คู่เห็นจะได้ เทียบกันแล้วต่างกันจริงๆต่อปีไม่เท่าไหร่ แต่ผลที่เกิดขึ้นนั้นต่างกันเยอะ ช่วยไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บที่ข้อมือได้ อันนี้เป็นต้นทุนที่เรามักจะมองกันไม่เห็น แต่มันกลับเป็นต้นทุนสำคัญของเราที่เอาอะไรมาแลก มาซื้อ กันด้วยเงินตราไม่ได้

สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นเผลอเป็นไม่ได้ออกนอกเรื่องประจำ ทิ้งท้ายไว้อีกนิดนะครับ สำหรับท่านที่วางงบสำหรับ Laptop ไว้ประมาณไม่เกิน 20,000 แน่นอนครับ ว่าผมคงไม่ถึงกับไปจูงใจท่านว่า MacBook คือคำตอบของท่านแน่ๆ แต่ถ้ามีงบเพิ่มอีกสักหน่อยตั้งใจจะซื้อในช่วง 37,000+ ถ้าไงลองพิจารณา MacBook เป็นคำตอบอีกคำตอบนึงไว้ในใจก็ดีนะครับ ปัจจุบันปัญหาที่ว่าใช้ Mac OS X แล้วไม่คุ้น หรือว่าโปรแกรมที่ใช้งานอยู่ไม่มีใน Mac OS X ก็แก้ไขได้ด้วยการติดตั้ง Windows ผ่าน Boot Camp หรือผ่านโปรแกรม Virtual Machine อย่าง VMWare Fusion หรือ Parallels แล้ว ยังไงก็ลองดูนะครับ อยากฝากไว้ก็ในเรื่องการพิจารณาความคุ้มค่า ในแง่มุมต่างๆ ที่หลากหลาย มากไปกว่าการเอา Spec มาเทียบกันเพียงอย่างเดียว ของบางอย่างถ้าได้สัมผัส ได้ลองใช้งานดูสักพักนึงจะรู้สึกได้จริงๆ ว่ามันแตกต่าง และดีกว่ายังไง สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ ลองไปทดลองใช้งานตามร้าน iStudio ดูก่อนก็ได้ครับ

เปรียบเทียบ MacBook และ PC Notebook

Credit : notebookspec.com/2008/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=1527&page=1

เทคนิคการเลือกซื้อจอ LCD ของ notebook

เทคนิคการเลือกซื้อจอ LCD ของ notebook
การเข้าใจความแตกต่างของจอ LCD แต่ละประเภทที่ใช้กับ notebook จะช่วยให้ตอบโจทย์นี้ได้ง่ายขึ้น และสามารถทำให้คุณเลือก notebook ได้ตรงกับความต้องการ และงบประมาณมากที่สุด

ย้อนกลับไปในสมัยที่ notebook เริ่มวางจำหน่ายเป็นครั้งแรก วันนั้นจอ LCD ได้เริ่มกลายมาเป็นมาตรฐาน ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เกิดขึ้นหลายปีกว่าที่เราจะเริ่มใช้จอ LCD กับเครื่อง desktop เสียอีก ในขณะที่เครื่อง desktop ณ เวลานั้นใช้จอแบบ CRT ที่ใหญ่เทอะทะ — Notebook กลับใช้จอ LCD ที่บางเฉียบ ดูเรียบหรูและมีเสน่ห์ แต่อย่างไรก็ตาม คุณภาพของจอ LCD เหล่านั้นกลับไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก แม้หลายๆ ท่านจะคิดว่าในปัจจุบันเทคโนโลยี LCD ได้พัฒนาไปไกลแล้วก็ตาม แต่เทคโนโลยีของจอ Notebook ก็ไม่ได้ถูกพัฒนาไปไกลเหมือนกับจอ monitor ที่ใช้กับเครื่อง desktop อย่างที่คุณคิด

จริงอยู่ที่จอ LCD สำหรับ notebook ในปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้ดีกว่าจอในอดีตอยู่หลายขุม แต่ด้วยความที่มันต้องเป็นจอสำหรับเครื่องพกพาที่มีข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เช่น การประหยัดพลังงาน น้ำหนัก และขนาด ทำให้นักวิจัยและพัฒนาต้องยอมเสียสละความสามารถเด็ดๆ หลายๆ อย่างไปเพื่อให้ได้มาซึ่งจอที่มีขนาดที่เหมาะสม และไม่ใช้พลังงานมากจนเกินไป

ในขณะที่ LCD monitor สำหรับเครื่อง desktop นั้นมีให้เลือกหลากหลาย และมีการนำ panel แบบต่างๆ มาใช้ (เช่น S-IPS, S-PVA และ MVA เป็นต้น) เพื่อให้พวกมันสามารถแสดงสีสันที่สมจริงมากขึ้น และลด response time ลง และในปัจจุบัน LCD monitor สำหรับ desktop นั้นได้ถูกพัฒนาให้เพิ่มความสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนในบางรุ่นแทบจะสว่างระดับ LCD TV เลยทีเดียว เพราะความพยายามที่จะโปรโมทความสว่างของ Panel เพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นๆ แต่ LCD สำหรับ Notebook นั้น แทบจะทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันจะใช้ Panel แบบ TN ซึ่งมีต้นทุนการผลิตต่ำที่สุด และแสดงสีสันได้สมจริงน้อยที่สุดด้วย และความสว่างส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ระหว่าง 200 - 300 cd/m2 เท่านั้น

ถ้าคุณกำลังมองหา Notebook ไว้ใช้งานสักตัว นอกจากการพิจารณาเลือกสเป็กของเครื่องที่คุณต้องการแล้ว แน่นอนว่าคุณจะต้องเอาสเป็กของจอ LCD มาเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาเลือกซื้อด้วยเช่นกัน ซึ่งการเลือก LCD สำหรับ notebook ที่เหมาะสมนั้น จะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบดังนี้:

ขนาด (physical size): ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น
ถ้าเน้นใช้งานทั่วไป เช่นงานพิมพ์เอกสาร งานท่องเว็บ ควรเลือกขนาดจอที่คุณคิดว่าคุณจะไม่มีปัญหาจากการมองหน้าจอเป็นเวลานานๆ ขนาดที่เหมาะสมควรจะมีขนาด 13 - 15 นิ้ว ขึ้นอยู่กับความสมัครใจว่าคุณต้องการแลกขนาดของจอที่ใหญ่ขึ้น กับน้ำหนักของ notebook ที่มากขึ้นตามไปด้วยหรือไม่
ถ้าเน้นใช้งานกราฟฟิค งานออกแบบด้านวิศวกรรม หรืองานที่ต้องเน้นรายละเอียดมากๆ ควรเลือกจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมี resolution สูงๆ (สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ resolution ได้ในหัวข้อ “ความละเอียด (resolution) ของหน้าจอ”)

ถ้าเน้นใช้งานด้าน Presentation เยอะๆ จะต้องเดินเข้า-ออกห้องประชุมอยู่บ่อยๆ และไม่ได้เน้นอ่านตัวหนังสือเล็กจิ๋วในโปรแกรมอย่าง Excel ควรเลือกเครื่องที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งหมายถึงว่าขนาดจอที่เหมาะสมควรมีขนาดประมาณ 12 - 14 นิ้ว

ถ้าเน้นใช้ฟังก์ชัน multimedia เช่นการดูภาพกับเพื่อนๆ และชมภาพยนตร์แบบสบายๆ ควรเลือกจอที่มีขนาดประมาณ 14 นิ้วขึ้นไป หรือถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว และอยากชมภาพยนตร์แบบใกล้ชิด ก็สามารถเลือกจอที่มีขนาดเล็กกว่านี้ได้

สัดส่วนของหน้าจอ (aspect ratio): สัดส่วนของหน้าจอก็เป็นอีกตัวแปรหนึ่งในการตัดสินใจเลือก notebook ซึ่งปัจจุบันนี้มี notebook ที่มีสัดส่วนหน้าจอที่หลากหลาย แต่ที่มีจำหน่ายกันอย่างแพร่หลายก็จะเป็นจอแบบ 4:3 และ 5:4 (จอปกติ) และแบบ 16:10 (จอกว้าง) และเร็วๆ นี้ก็ได้มีจอแบบกว้างพิเศษ ซึ่งมีสัดส่วนเท่ากับสัดส่วนที่ใช้กับภาพยนตร์ (16:9) มาให้เลือกอีกด้วย

ถ้าเน้นใช้งานเอกสาร สัดส่วนของจอที่เหมาะสมคือสัดส่วนแบบ 4:3 ซึ่งจะทำให้คุณมองเห็นหน้าเอกสารยาวๆ ได้ แต่ถ้าคุณชอบจอกว้างแบบ 16:10 ก็ไม่ผิดกติกาอะไร เพราะจอกว้างจะช่วยให้คุณสามารถมองเห็นเอกสารหรือเว็บเพจได้กว้างขึ้น และจัดการกับงาน spreadsheet ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากพื้นที่ด้านข้างที่มากขึ้นนั่นเอง

ถ้าเน้นใช้งานกราฟฟิค และงานออกแบบ ตรงนี้จะขึ้นอยู่กับลักษณะของชิ้นงานของคุณว่าต้องการใช้หน้าจอที่มีสัดส่วนแบบใด อย่าลืมว่าหากคุณเลือกใช้จอกว้าง คุณจะต้องเสียสละพื้นที่ส่วนล่างไป ในขณะที่คุณเลือกใช้จอสัดส่วนปกติ คุณก็จะเสียพื้นที่ด้านข้าง คงจะต้อง trade-off กันพอสมควรระหว่างการ scroll เม้าส์ไปด้านข้างบ่อย กับ scroll ไปด้านล่างบ่อยๆ คุณจะเลือกแบบไหน

ถ้าเน้นใช้งาน multimedia และอยากดูหนังจอกว้างจากแผ่น DVD หรือ Blu-ray ควรจะเลือกซื้อ notebook จอกว้าง แบบ 16:10 แต่ถ้าต้องการดูหนังแบบไม่มีขอบดำบน-ล่างให้รำคาญสายตาก็ควรเลือกซื้อจอกว้างแบบ 16:9

ความละเอียด (resolution) ของหน้าจอ:
ความหมายของคำว่า “display resolution” คือจำนวนของเม็ดพิกเซล (pixel) ที่เรียงชิดกันในแนวนอนและแนวตั้ง เช่น 1280 x 1024 หมายถึงจอนั้นมีจำนวนพิกเซลในแนวนอน 1280 จุด และแนวตั้ง 1024 จุด ซึ่งเมื่อนับจำนวนเม็ดพิกเซลของจอนี้จะได้ทั้งหมด 1.3 ล้านจุด

คำว่า “display resolution” หรือ “ความละเอียด” นั้นยังก่อให้เกิดความเข้าใจผิดอีกด้วย ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงคำว่า “resolution” ในแง่ของจำนวนพิกเซลทั้งหมดที่ประกอบกันเป็นจอดังที่กล่าวในย่อหน้าที่แล้ว แต่ไม่ได้หมายถึง “ความหนาแน่นของเม็ดพิกเซล (pixel density)” หรือจำนวนจุดต่อหนึ่งตารางนิ้ว เหมือนกับที่ใช้ในงานพิมพ์ต่างๆ

อีกหนึ่งข้อควรพิจารณาคือ เนื่องจากโดยธรรมชาติของจอ LCD เป็นแบบ “fixed-pixel-array” (มีจำนวนเม็ดพิกเซลแนวตั้งและแนวนอนนับเป็น “จุดต่อนิ้ว” หรือ DPI) พวกมันจึงมีความสามารถในการแสดงผลด้วยความละเอียด (resolution) ที่มันถูกผลิตมาเท่านั้น ซึ่งเราเรียกความละเอียดที่จอนั้นถูกผลิตมาว่า “native resolution” เมื่อเราป้อนสัญญาณที่มีความละเอียดเท่ากับ native resolution ของจอ LCD สัญญาณภาพนั้นก็จะถูกนำมาแสดงได้สวยงามและเต็ม panel พอดี แต่ถ้าเราป้อนสัญญาณที่มีความละเอียดต่ำกว่า native resolution เข้าไป จะทำให้วงจรขยายภาพของจอ LCD ทำงาน โดยวงจรดังกล่าวจะเอาสัญญาณไปประมวลผลเพื่อเพิ่มขนาดให้เต็ม panel แล้วค่อยนำออกแสดงผลอีกที ซึ่งเป็นผลทำให้ภาพที่ได้ดูไม่คมชัด และสัดส่วนอาจผิดเพี้ยนในกรณีที่สัดส่วนภาพของสัญญาณภาพที่ป้อนเข้าไปไม่ตรงกับสัดส่วนของ panel – ยกตัวอย่างเช่น คุณมี notebook ที่ใช้จอที่มี native resolution เป็น 1280 x 768 พิกเซล เมื่อคุณป้อนสัญญาณความละเอียด 800 x 600 พิกเซลเข้าไป จะทำให้ panel เอาภาพไปขยายให้เต็ม Panel ทำให้ภาพมีสัดส่วนผิดเพี้ยน และไม่คมชัด

หมายเหตุ: LCD ของ notebook บางรุ่นสามารถปรับให้มันสเกลภาพโดยสัดส่วนไม่ผิดเพี้ยนได้ บางรุ่นสามารถปรับให้แสดงภาพแบบ 1:1 ได้อีกด้วย


VGA (640 x 480 pixels): เป็นความละเอียดของจอ monitor ซึ่งปัจจุบันได้ล้าสมัยไปแล้ว เพราะเป็นความละเอียดที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน ปัจจุบันอาจมี sub-notebook หรือ notebook ที่ถูกผลิตมาเพื่อใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะที่ยังใช้ความละเอียดนี้อยู่

SVGA (800 x 600 pixels): เป็นอีกหนึ่งความละเอียดที่เริ่มล้าสมัย ปัจจุบันอาจพบจอความละเอียดนี้ได้ใน sub-notebook หรือ notebook ที่ถูกผลิตมาเพื่อใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะเท่านั้น

XGA (1024 x 768): ความละเอียดเริ่มต้นของ Notebook ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน โดยใช้กับ panel ขนาดตั้งแต่ 12 นิ้วขึ้นไปที่มีสัดส่วนแบบ 4:3 ปัจจุบันได้รับความนิยมลดน้อยลง เนื่องจากโปรแกรมต่างๆ ในปัจจุบันเริ่มต้องการความสามารถในการแสดงผลที่สูงกว่า XGA

WSVGA (1024 x 600): ความละเอียดแบบ XGA แต่เป็นแบบจอกว้าง พบได้ใน netbook หลายๆ รุ่น
1152 x 768, 1280 x 854, 1280 x 960: ความละเอียดนี้ค่อนข้างหาได้ยากในจอ LCD ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กับจอแบบ CRT มากกว่า

SXGA (1280 x 1024): เป็นความละเอียดที่พบได้บนจอ notebook ขนาดประมาณ 14-17 นิ้ว ซึ่งความละเอียดนี้ทำให้สัดส่วนของภาพที่ได้เป็นแบบ 5:4

HD 720 (1280 x 720): ความละเอียดของหนัง High definition ขนาด 720 เส้น และเป็นความละเอียดที่เกมส่วนใหญ่บนเครื่อง console อย่าง Xbox 360 และ PS3 ใช้

WXGA (1280 x 768, 1280 x 800): ความละเอียดระดับนี้ เป็นความละเอียดที่พบได้ใน notebook จอกว้างที่มีจอตั้งแต่ขนาด 10 นิ้วเป็นต้นไป แต่ขนาดที่เหมาะสมสำหรับความละเอียดระดับนี้ควรจะเป็นขนาดประมาณ 13 – 14 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่กำลังพอดีกับการมอง โดยไม่ทำให้ตัวอักษรใน Windows เล็กเกินไป

1366 x 768: ความละเอียดของจอ LCD แบบ HD-Ready
1440 x 900, 1440 x 960: อีกความละเอียดที่พบใน Notebook จอกว้างขนาด 14 – 17 นิ้ว
SXGA+ (1400 x 1050): ความละเอียดของจอ notebook แบบไม่ใช่จอกว้าง เหมาะสำหรับงานกราฟฟิคที่ต้องใช้ความละเอียดของหน้าจอมากๆ พบใน notebook ที่มีจอขนาด 14 – 17 นิ้ว

WSXGA+ (1680 x 1050): ความละเอียดแบบจอกว้าง พบได้ในจอ notebook ขนาด 15 นิ้วขึ้นไป
1600 x 1900: ความละเอียดที่ผู้ผลิต entertainment notebook หลายรายเริ่มใช้ เนื่องจากเป็นความละเอียดที่ได้สัดส่วนกับภาพยนตร์แบบจอกว้างพอดี ทำให้สามารถดูหนังได้โดยไม่มีขอบดำบน-ล่าง ให้รำคาญตา

HD 1080 (1920 x 1080): ความละเอียดมาตรฐานของหนัง HD แบบ 1080 เส้น และยังเป็นความละเอียดที่พบใน จอของ notebook แบบไฮเอนด์ที่ต้องการโปรโมทความสามารถในการเล่นหนัง Hi-definition อีกด้วย

UGA (1600 x 1200): ความละเอียดสำหรับผู้ที่ใช้งานกราฟฟิคที่ต้องทำงานกับรายละเอียดเยอะๆ และต้องการความแม่นยำสูง พบได้ใน notebook ที่มีจอขนาด 14 นิ้วขึ้นไป

WUXGA (1920 x 1200): ความละเอียดขอจอ notebook แบบไฮเอนด์ ซึ่งเป็นแบบจอกว้าง (สัดส่วน 16:10) พบได้ใน notebook ที่มีจอขนาด 15 นิ้วขึ้นไป

2K (2048 x 1080): ความละเอียดของไฟล์ภาพยนตร์ที่ฉายในโรงหนังดิจิตอล
QXGA (2048 x 1536): ความละเอียดสำหรับจอขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับงานกราฟฟิค และด้วยความละเอียดที่สูงมาก จึงทำให้มันไม่เหมาะที่จะนำมาใช้กับจอขนาดเล็กๆ อย่างจอ notebook WQXGA (2560 x 1600),QSXGA (2560 x 2048)

จากรายละเอียดข้างบน คุณจะพบว่ามาตรฐานความละเอียดสำหรับจอ LCD ที่ใช้บน notebook นั้นค่อนข้างหลากหลาย การเลือกขนาดและความละเอียดของจอที่เหมาะสมจึงต้องคำนึงถึงความต้องการใช้งานของคุณเป็นสำคัญ
เทคนิคการเลือกซื้อจอ LCD ของ notebook
credit from : www.lcdspec.com/?p=399

Download Driver Notebook

Download Driver Notebook


Download Driver Acer
Download Driver Apple (macbook)
Download Driver Asus
Download Driver Atec
Download Driver Axioo
Download Driver BenQ
Download Driver Dell
Download Driver Fujitsu
Download Driver Gateway
Download Driver GIGABYTE

Download Driver Hp & Compaq
Download Driver Ibm Lenovo
Download Driver Kohjinsha
Download Driver MSI
Download Driver NEC
Download Driver SAMSUNG
Download Driver Sony
Download Driver SVOA
Download Driver Toshiba
Download Driver VZiO

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Apple เตรียมออก MacBook และ MacBook Pro ใหม่อีกแล้ว !!

Apple เตรียมออก MacBook และ MacBook Pro ใหม่อีกแล้ว !!
โดย MacBook Pro ใหม่นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย นอกจากมีการเปลี่ยนมาใช้ Penryn แทน Santa Rosa เดิม นอกจากนี้แล้วยังมีการใช้การ์ดจอ NVIDIA ตัวใหม่กว่าเดิม ที่มาพร้อมกับแรม 512MB และแน่นอนที่สุด มีมัลติทัชเช่นเดียวกับ MacBook Air

$1999 - 15” Screen / 2.4GHz / 2GB / 200GB 5400RPM / 256MB Vram
$2499 - 15” Screen / 2.5GHz / 2GB / 250GB 5400RPM / 512MB Vram
$2799 - 17” Screen / 2.5GHz / 2GB / 250GB 5400RPM / 512MB Vram
นอกจากนี้แล้วแอปเปิลยังปล่อย MacBook ที่ใช้ Penryn ออกมาเช่นกัน

$1099 - 13” Screen / 2.1GHz / 1GB / 120GB / Combo-drive / White
$1299 - 13” Screen / 2.4GHz / 2GB / 160GB / Super-drive / White
$1499 - 13” Screen / 2.4GHz / 2GB / 250GB / Super-drive / Black
สรุปได้ว่าตัวแทนแอปเปิลที่ได้ออกมาพูดว่ามัลติทัชเป็นคุณสมบัติเฉพาะของ MacBook Air ก็ไม่จริงนี่เอง

จากนั้นไม่นาน

มีกระแสข่าวออกมาว่าเครื่อง Macbook และ MacBook Pro อาจมีการอัพเดทเร็วเกินคาด

DailyTech รายงานว่า Apple เตรียมที่จะทำการอัพเดทเครื่องจากชิพปัจจุบันซึ่งเป็น Penryn มาเป็น Montevina ในมิถุนายนนี้ซึ่งจะมีความเร็วของสัญญาณนาฬิกาอยู่ที่ 2.26GHz และ 2.8GHz และมี front-side bus 1066 MHz ซึ่งข่าวนี้ได้รับการยืนยันมาจาก คนวงในบริษัท Apple เองว่าจะมีการเปลี่ยนชิพและวางขายมิถุนายนนี้

ทาง DailyTech ยังกล่าวอีกว่าไม่แปลกใจกับข่าวนี้ เพราะ ทาง Intel จะประกาศเครื่องที่จะสนับสนุน Montevina ในเวลาเดียวกันมาก่อนหน้าแล้ว

ปล. สิ่งที่กลัวก็เป็นจนได้ อัพเดทเครื่องตามชิพ

Apple เตรียมออก MacBook และ MacBook Pro ใหม่อีกแล้ว
ที่มา - www.blognone.com

รวมรีวิว MacBook Air จากสื่อดัง !!

รวมรีวิว MacBook Air จากสื่อดัง !!

สำนักข่าวหลาย ๆ แห่งหลังจากที่ได้สัมผัสกับ MacBook Air เริ่มออกรีวิวกันมาแล้วครับ
Wall Street Journal
หน้าตาดูสวยงามมาก บางอย่างน่าเหลือเชื่อ
ยากที่จะอธิบายความตื่นเต้นที่ได้สัมผัสมันเพราะว่าคุณต้องรู้สึกกับมันด้วยมือ
จอภาพและคีย์บอร์ดใช้งานได้น่าพอใจมาก
ความเร็วดี
ข้อจำกัด: แบตเตอรี่เปลี่ยนไม่ได้ ไม่มีไดรว์ CD/DVD และไม่มีที่ต่อ Ethernet
จากการทดสอบแบตเตอรี่: ถ้าหากปรับความสว่างสูงสุด เปิด Wi-Fi และเล่นเพลงตลอดเวลา ใช้งานได้นานประมาณ​ 3 ชั่วโมง 24 นาที
Newsweek
เมื่อเอาเครื่องไปใส่ในกระเป๋าเป้ที่ใช้แบก MacBook Pro ปกติแล้วจะรู้สึกเหมือนกับว่ากระเป๋ายังว่างอยู่
ความเบาและบางของมันทำให้คุณเลิกคิดว่าควรจะเอาคอมพิวเตอร์ติดตัวไปกับคุณด้วยหรือไม่
ไม่ร้อนเท่าโน้ตบุคแอปเปิลตัวอื่น
ขนาดความจุสูงสุดที่ 80GB ยังไม่มี 160GB เนื่องจากความบางของเครื่อง
USA Today
เครื่องแข็งแรงกว่าที่คิด
มันไม่ใช่สำหรับทุกคน (เนื่องจากข้อจำกัดบางอย่าง แบตเตอรี่ที่เปลี่ยนไม่ได้ และช่องเชื่อมต่อที่จำกัด ฯลฯ)
จ็อบส์บอกไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าแอปเปิลเกือบจะใส่ความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่าย 3G เข้าไปแล้วในตอนแรก แต่ปัญหาคือมันจะต้องใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งในตัวเครื่องและยังเป็นการจำกัดลูกค้าให้ใช้กับเครือข่ายหนึ่งเครือข่ายเดียว
การทดสอบแบตเตอรี่: เล่นเน็ต ดึงข้อมูลจากเครื่องอื่น ใช้ได้ 3 ชั่วโมง 40 นาที
ราคาขายของ MacBook Air ในประเทศไทยอยู่ที่ 68,500 บาทสำหรับรุ่น 1.6GHz และ 79,900 บาทสำหรับรุ่น 1.8GHz และสุดท้าย 115,500 บาทสำหรับรุ่น 1.8GHz ที่มาพร้อมกับ Solid-State Disk

ที่มา - www.blognone.com

MacWorld 2008 เปิดตัว " MacBook Air " & " iTunes Movie Rentals "

MacWorld 2008 เปิดตัว " MacBook Air " & " iTunes Movie Rentals "
สตีฟ จ็อปส์ (Steve Jobs) ซีอีโอแอปเปิลประกาศข่าว 6 เรื่องในงานประชุมประจำปีของแอปเปิล MacWorld Conference & Expo ที่ซานฟรานซิสโก เรื่องเด่นที่สุดหนีไม่พ้น MacBook Air คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กขนาดบางที่สุดในโลกของแอปเปิลที่มีกำหนดการวางตลาดอีกสองสัปดาห์นับจากนี้ รองลงมาคือการเปิดตัวบริการเช่าไฟล์ภาพยนตร์บนร้านออนไลน์ไอจูนส์ (iTunes) ที่ทำให้มูลค่าหุ้นของจ้าวตลาดเช่าภาพยนตร์ดั้งเดิมอย่างบล็อกบัสเตอร์ร่วงกราว 17 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเรื่องอื่นๆคือการเปิดตัวอุปกรณ์สำรองข้อมูล และการประกาศข่าวอัปเดทซอฟต์แวร์ในไอโฟน (iPhone) ไอพ็อด (iPod) และแอปเปิลทีวี (Apple TV)

รายงานระบุว่า สตีฟ จ็อปส์โชว์ตัว MacBook Air ด้วยการเทออกมาจากซองใส่เอกสารสีน้ำตาลที่นิยมใช้ในสำนักงานทั่วไป จากนั้นก็กล่าวพร้อมอมยิ้มว่า MacBook Air คือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กขนาดบางที่สุดในโลก ซึ่งระหว่างการพัฒนา จ็อปส์ยอมรับว่าทีมงานแอปเปิลมีการสำรวจโน้ตบุ๊กบางเฉียบทั้งหมดที่มีอยู่ในท้องตลาด เพื่อพยายามสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่า

เมื่อพิจารณาด้านข้าง MacBook Air มีลักษณะคล้ายลิ่มโลหะ ความหนาช่วงที่บางที่สุดคือ 0.16 นิ้วหรือประมาณ 0.40 เซนติเมตร ขณะที่ความหนาของปลายลิ่มอีกด้านคือ 0.76 นิ้ว หรือประมาณ 1.9 เซนติเมตร จ็อปส์ยกข้อมูลโน้ตบุ๊กบางที่สุดที่เคยมีในตลาดว่ามีช่วงบางที่สุดอยู่ที่ 0.8 นิ้ว (2 ซม.) และปลายอีกด้านคือ 1.2 นิ้ว (3 ซม.)

"สามารถจับ MacBook Air ใส่ลงไปในคอมพิวเตอร์บางเฉียบคู่แข่งรายอื่นๆได้สบาย" จ็อปส์กล่าว มีการพาดพิงถึงโน้ตบุ๊กแบรนด์โซนี่เล็กน้อย โดย MacBook Air มีน้ำหนัก 3 ปอนด์ ฮาร์ดไดร์ฟ 80GB อายุการใช้งานแบตเตอรี่ 5 ชั่วโมง สนนราคา 1,799 ดอลลาร์ ไม่มีไดร์ฟอ่านแผ่นซีดีและดีวีดี เท่ากับผู้ซื้อจะต้องซื้อไดร์ฟต่างหากอีก 99 เหรียญ เพราะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้หากผู้ใช้ต้องการลงโปรแกรมเพิ่มหรือเขียนซีดีเพื่อบันทึกไฟล์ภาพยนตร์ที่ดาวน์โหลดมา

จ็อปส์ให้ข้อมูลว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การบีบอัดความหนาของตัวเครื่องประสบความสำเร็จเช่นนี้คือการลดขนาดชิปประมวลผลตระกูลดูอัลคอร์ของอินเทลลงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ จุดนี้พอล โอเทลินี (Paul Otellini) ซีอีโออินเทลให้สัมภาษณ์ว่าเริ่มต้นโครงการด้วยความคิดที่ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ผ่านพ้นช่วงท้อแท้หลายครั้งจนกระทั่งประสบความสำเร็จในที่สุด

จ็อปส์เล่าอีกว่า คุณสมบัติบางจุดของ Mac Book Air ได้รับแนวคิดมาจากไอพ็อดและไอโฟน เช่นการเป็นแหล่งเก็บข้อมูลพกพาซึ่งนิยมมากไอพ็อด และการจำลองแผงปุ่มกดระบบสัมผัสในไอโฟน จุดนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่า MacBook Air จะไปได้ดีในตลาดคอมพิวเตอร์บางพิเศษสำหรับพกพา

งานนี้แอปเปิลประกาศศักดาว่า หลังการเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม ระบบปฏิบัติการ Mac OS 10.5 Leopard เวอร์ชันล่าสุดมียอดจำหน่ายเกิน 5 ล้านไลเซนส์แล้วในขณะนี้ ขณะที่ยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์แมคอินทอชในปี 2007 มีจำนวนทั้งสิ้น 7 ล้านเครื่อง มากกว่าปีที่แล้ว 30 เปอร์เซ็นต์

หุ้น Blockbuster ร่วง

ใน MacWorld 2008 แอปเปิลเปิดตัวบริการเช่าไฟล์ภาพยนตร์บนร้านออนไลน์ไอจูนส์ (iTunes) ตามความคาดหมาย ส่งให้มูลค่าหุ้นของบริษัทบล็อกบัสเตอร์ (Blockbuster Inc.) เจ้าของอาณาจักรร้านเช่าวีซีดีภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกปรับตัวร่วงกราว 17 เปอร์เซ็นต์รับพายุลูกใหม่จากแอปเปิล ที่ตั้งเค้าพร้อมถล่มตลาดอีกไม่กี่อึดใจ

ตามแถลงการณ์ บริการเช่าภาพยนตร์บนไอจูนส์ iTunes Movie Rentals นั้นเปิดให้บริการในสหรัฐฯแล้วตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา คาดว่าจะให้บริการแก่ประเทศอื่นๆได้ภายในปีนี้ ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาสามารถเก็บไว้ได้ 30 วัน ถ้าเริ่มเล่นไฟล์แล้วต้องชมให้จบภายใน 24 ชั่วโมง ราคาไฟล์ภาพยนตร์เริ่มต้นที่เรื่องละ 2.99 เหรียญ ภาพยนตร์ใหม่ 3.99 เหรียญ คิดค่าบริการเพิ่มอีก 1 เหรียญหากต้องการดาวน์โหลดไฟล์ความละเอียดสูง

ไฟล์ที่เช่าจาก iTunes Movie Rentals สามารถใช้งานได้บนเครื่องแม็ค คอมพิวเตอร์ระบบวินโดวส์ ไอพ็อด และอุปกรณ์เซตท็อปบ็อกซ์ของแอปเปิลนาม Apple TV

ที่ผ่านมา แอปเปิลเคยให้บริการขายไฟล์ภาพยนตร์บนไอจูนส์มาก่อน สถิติการดาวน์โหลดคือ 7 ล้านครั้ง น้อยกว่าสถิติดาวน์โหลดรายการทีวี 125 ล้านครั้ง และสถิติการโหลดเพลง 4 พันล้านครั้ง จุดนี้จ็อปส์กล่าวว่า แอปเปิลก็เป็นเช่นเดียวกับผู้ขายภาพยนตร์ออนไลน์อย่าง Amazon.com, Netflix, Blockbuster และ Vudu ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นแอปเปิลจึงกลับมาใหม่พร้อม Apple TV รุ่นสองหรือ Apple TV Take Two

Apple TV ที่ผ่านมานั้นสามารถส่งสัญญาณไฟล์วีดีโอจากคอมพิวเตอร์ไปยังทีวีได้แบบไร้สาย แต่ Apple TV Take Two จะส่งสัญญาณสตรีมต่อตรงเข้ากับทีวีได้โดยไม่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์ สามารถใช้ได้ทั้งกับบริการเช่าและซื้อภาพยนตร์ แอปเปิลหั่นราคา Apple TV Take Two เหลือ 229 เหรียญ ถูกกว่า 299 เหรียญที่เคยตั้งไว้กับรุ่นแรก ผู้เป็นเจ้าของ Apple TV รุ่นแรกอยู่แล้วสามารถอัปเดทซอฟต์แวร์ได้ฟรี

แอปเปิลระบุว่า จะพร้อมให้บริการเช่าภาพยนตร์จำนวนมากกว่า 1 พันเรื่องในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้

ประชาสัมพันธ์ของบล็อกบัสเตอร์ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทยินดีที่แอปเปิลเปิดตัวบริการเช่าภาพยนตร์ในงาน Macworld เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ตลาดดาวน์โหลดไฟล์ภาพยนตร์ตื่นตัวมากขึ้น

ภายในงาน แอปเปิลยังเปิดตัวอุปกรณ์สำรองข้อมูลนาม Time Capsule มาพร้อมฮาร์ดดิสก์ขนาด 500GB หรือ 1TB สามารถสำรองข้อมูลผ่านระบบ Wi-Fi นอกจากนี้จ็อปส์ยังเปิดตัวซอฟต์แวร์อัปเดทไอโฟนรุ่นล่าสุดซึ่งจะไม่คิดค่าใช้จ่ายกับผู้ใช้ รวมถึงซอฟต์แวร์อัปเดทไอพ็อดทัช และชุดแอปพลิเคชันเพิ่มเติม 5 ชุดสำหรับไอโฟนราคา 20 เหรียญ

MacWorld 2008 เปิดตัว " MacBook Air " - " iTunes
ที่มา - www.manager.co.th

ASUS UL80VT โน้ตบุ๊ค ดีไซน์บางเฉียบ เพียงไม่ถึง 1 นิ้ว


ASUS UL80VT โน้ตบุ๊ค ดีไซน์บางเฉียบ เพียงไม่ถึง 1 นิ้ว
ASUS ขอแนะนำโน้ตบุ๊ก รุ่น UL80VT ที่ใช้ชิพเซ็ตใหม่ล่าสุดจาก Intel แบบ CULV ที่ช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้มากกว่า เครื่องบางกว่า แต่ยังคงประสิทธิภาพอย่างดีเยี่ยม และเมื่อประสานกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากอัสซุส Turbo33 ที่ช่วยให้การทำงานของเครื่องรวดเร็วขึ้นอีกถึง 33% ให้คุณใช้งานทุกโปรแกรมอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานสุงสุดกว่า 12 ชั่วโมง ผสานกับการออกแบบที่บางเฉียบเพียงไม่ถึง 1 นิ้ว และน้ำหนักเบาไม่ถึง 2 กิโลกรัม พร้อมความโดดเด่นไม่ซ้ำใครกับรูปลักษณ์ที่สะท้อนนิยามของความแข็งแกร่งบน ความทันสมัย ด้วยพื้นผิวแบบ Metallic Hairline สี บลอนเงินของตัวเครื่อง

โน้ตบุ๊ก ASUS UL Series รุ่น UL80VT หน้าจอขนาด 14 นิ้ว HDD 500 GB ในราคา 33,900 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

สนใจติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอัสซุสชั้นนำ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ASUS Call Center: 02-6798367-71

ASUS UL80VT โน้ตบุ๊ค ดีไซน์บางเฉียบ เพียงไม่ถึง 1 นิ้ว

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ASUS Bamboo โน้ตบุ๊กไม้ไผ่ตัวแรกของโลก


ASUS Bamboo โน้ตบุ๊กไม้ไผ่ตัวแรกของโลก
บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก พีดีเอ โฟน และอีอีอี พีซี ขอนำเสนอโน๊ตบุ๊กอินเทรนด์อิงกระแสลดโลกร้อน “โน้ตบุ๊กไม้ไผ่” ( ASUS Bamboo Notebook ) เป็นครั้งแรกของโลกที่ผลิตโน้ตบุ๊กจากไม้ไผ่ ผสมผสานความสวยงามและความประณีตของงานประดิษฐ์จากไม้ไผ่ รุ่น U6 ขนาดหน้าจอ 12 นิ้ว น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม ราคา 79,900 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) มาพร้อม Intel® Core™2 Duo Processors และ DDRII RAM ซึ่งช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ 35 – 70 เปอร์เซ็นต์ ระบบ Super Hybrid Engine (SHE) ระบบประหยัดพลังงานโดยผสมผสานระหว่างซอฟแวร์และฮาร์ตแวร์ของอัสซุส นอกจากนั้น SHE เป็นระบบที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 12.30 กิโลกรัมต่อปีต่อโน้ตบุ๊กไม้ไผ่หนึ่งตัว พบกับโน้ตบุ๊กไม้ไผ่ได้ปลายเดือนธันวาคมนี้ ตามร้านตัวแทนจำหน่ายอัสซุสทั่วไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : ศูนย์บริการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทรศัพท์: 02-679-8367-70 โทรสาร 02-679-8371 หรือ www.asus.co.th



ASUS Bamboo โน้ตบุ๊กไม้ไผ่ตัวแรกของโลก